แต่ว่าเรื่องนี้จะตำหนิใต้เท้าซูก็ไม่ได้จริงๆ
ภาพความรุนแรงตรงหน้า สตรีที่ยังไม่ออกเรือนเช่นนางดูจนปากคอแห้งผากลมหายใจหอบถี่ ถึงอย่างไรซูโม่อี้ก็เป็นบุรุษ หากไม่มีอาการใดๆ เลยนางควรจะรู้สึกกลัวมากยิ่งกว่านี้หรือไม่!
เมื่อถูกนางชนเข้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ ซูโม่อี้ก็ส่งเสียงฮึ่มอย่างแหบพร่า จากนั้นจึงใช้มือบังส่วนหน้าของตนเองไว้
แต่ว่าเจ้าสิ่งนั้นของซูโม่อี้ หลินหวั่นชิงเคยเห็นด้วยตาตนเองแล้ว ความพิเศษที่ฟ้าประทานมาให้ของเขานั้นมือข้างเดียวจะปิดมิดได้อย่างไรกัน
ดังนั้นไม่ว่าซูโม่อี้จะปรับมุมของมืออย่างไรก็มักมีบางส่วนดุนดันออกมาเล็กน้อย ปัดป่ายอยู่ที่บั้นเอวของนาง ถูไถกับบั้นทายของนาง
แม้จะถูกกั้นด้วยเสื้อผ้าสองชั้น แต่ความร้อนและความแข็งขืนนั้นก็ทำให้หลินหวั่นชิงตกใจมากจริงๆ
ว่ากันว่าหมอนปักลายดอกไม้งดงามด้านในมีแต่ฟาง แต่หมอนของซูโม่อี้ไม่เพียงแต่ปักดอกไม้ด้านนอกเท่านั้น แต่ด้านในยังมีทองคำซ่อนอยู่อีกด้วย…
เวลานี้แม้แต่หลับตานางยังทำไม่ได้ เพราะทันทีที่หลับตาเบื้องหน้าของหลินหวั่นชิงก็มีแต่ภาพของล้ำค่าของใต้เท้าซูที่ตนเองได้เห็นในคืนนั้น
ทั้งใหญ่กว่าของซ่งซานหลาง ยาวกว่าของซ่งซานหลาง และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือดูดีกว่าของซ่งซานหลาง…
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่ม เดิมทีบรรยากาศในตู้เสื้อผ้าที่ร้อนอบอ้าวอยู่แล้วก็ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก
ปลายจมูกอบอวลไปด้วยกลิ่นกายของซูโม่อี้ กลิ่นไม้สน กลิ่นหญ้าสด และยังมีกลิ่นของหนังสือเก่าและกลิ่นของน้ำหมึกที่เติมใหม่อีกเล็กน้อย เป็นกลิ่นซึ่งให้ความสดชื่นและเย้ายวนอยู่ในที
ลมไอร้อนที่เขาหายใจออกมาสาดลงบนต้นคอและหลังใบหู หลินหวั่นชิงรู้สึกเกร็งไปทั่วร่าง ลมหายใจของนางก็ถี่กระชั้นมากขึ้นตามไปด้วย
คนบนเตียงยังคงร้อนแรง เสียงคำรามต่ำๆ ของบุรุษหลุดออกมาจากลำคอ จากนั้นเขาก็ยืดตัวให้ตรง
ก่อนที่เสียงตะขอหยกกระทบกันจะดังช้าลง
ทั้งสองคนหลับตาแน่นตัวกระตุกหลายครั้ง จากนั้นฝ่ายบุรุษก็ฟุบตัวลงบนร่างของฝ่ายสตรีราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง หายใจหอบ ใบหน้าแนบชิดกัน
เดิมทีหลินหวั่นชิงไม่ต้องการที่จะมอง แต่จนใจที่ความอยากรู้อยากเห็นนั้นมีมากเหลือเกิน
นางลืมตาข้างหนึ่งน้อยๆ แล้วเห็นเท้าดอกบัวที่ขาวนุ่มข้างหนึ่งของหวังอี๋เหนียงโผล่ออกมาจากมุ้งห้อยต่องแต่ง มุ้งสีแดงที่อ่อนนุ่มราวกับกลายเป็นลิ้นที่ร้อนระอุ เลียไปตามผิวหนังทุกส่วนบนเท้าของนาง
“ซานหลาง…” น้ำเสียงยั่วยวนของสตรีดังขึ้นอีกครั้ง
เดิมทีหลินหวั่นชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้ว แต่จู่ๆ ก็ราวกับลมหายใจขึ้นมาจุกที่ลำคออีกครั้ง
“ข้ายังต้องการอีก…ต้องการมาก…” น้ำเสียงที่เย้ายวนพูดจาลามกประโยคนี้ออกมา
บุรุษบนเตียงตัวสั่นเทาขึ้นมาจริงๆ สิ่งที่เมื่อครู่ยังสงบอยู่เวลานี้ค่อยๆ ผงกหัวขึ้นมาอีกครั้ง เขารวบตัวนางขึ้นจากเตียงแล้วกางขากว้างเดินลงจากเตียงไป
เขาอุ้มนางไว้ ร่างกายขาวราวหิมะของนางหันมาทางตู้เสื้อผ้าที่หลินหวั่นชิงและซูโม่อี้อยู่ในนั้น
ร่างกายกระทบกัน ภาพมังกรผงาดของบุรุษเข้าออกบริเวณจุดเร้นลับชุ่มฉ่ำของสตรีชัดเจนเป็นพิเศษ
ดอกซิ่งแดงของสตรีถูกแยกออก เนื้อนุ่มขยับขึ้นลงไม่หยุด น้ำที่หยาดหยดลงมาราวกับน้ำค้างพร่างพรม ทำให้ความใหญ่โตของบุรุษเป็นประกายความชุ่มชื้นเช่นเดียวกัน
พวกเขาเดินไปสอดใส่ไปเช่นนี้จนมาถึงหน้าตู้เสื้อผ้าที่ทั้งสองคนอยู่
“ดูสิ…” บุรุษโอบกอดสตรีจากทางด้านหลัง โดยขาทั้งสองข้างของนางห้อยอยู่กลางอากาศ “ดูสิว่ามังกรของข้าจะเสพสังวาสกับเจ้าอย่างไร”
ทั้งสองอยู่ใกล้มากจนทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนในตู้ ยอดถันที่ตั้งตรงสีกับช่องว่างเล็กๆ ของตู้เสื้อผ้าและทะลุเข้าไปข้างในครั้งแล้วครั้งเล่า
หลินหวั่นชิงเกือบจะสงสัยแล้วว่าทั้งสองคนนี้จงใจแสดงให้พวกนางดูหรือไม่
แต่นางเดาว่าด้านหนึ่งของตู้เสื้อผ้าน่าจะเป็นกระจกสำริด ปกติหวังอี๋เหนียงใช้สำหรับแต่งตัว แต่ในเวลานี้เป็นที่สร้างความสุขให้พวกเขาพอดิบพอดี
ยามที่คนเราเก้อเขินอย่างยิ่งมักทำอะไรไม่ถูก หลินหวั่นชิงทำได้เพียงหันไปมองซูโม่อี้อีกครั้ง นางส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางเขา
ซูโม่อี้ยังคงมีสีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานเช่นเดิม ราวกับดอกไม้ที่บอบบางท่ามกลางพายุฝน
จนถึงตอนนี้เขาจึงพบว่าที่แท้เอวของหลินหวั่นชิงนั้นเล็กมาก บั้นท้ายงอนงาม ขณะที่เสียดสีกับหลังมือของเขาเบาๆ ยังนุ่มมากอีกด้วย
เหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วไหลลงมาตามจอนผมของเขา หยดลงไปที่สาบเสื้อที่ทับซ้อนกัน
เขาสูงกว่าหลินหวั่นชิงมาก เมื่อเหลือบตามองลงสามารถมองเห็นต้นคอขาวและติ่งหูกลมๆ เล็กๆ ของนางได้ ดูแล้วท่าทางจะนุ่มและหวานมาก เขาอยากกัดจนอดใจไม่ไหว
“…” ส่วนที่ปวดจนแทบทนไม่ไหวในร่างกายยิ่งอึดอัดมากขึ้น