ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.2 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.2

4 of 4หน้าถัดไป

หลินหวั่นชิงและซูโม่อี้ทนทรมานอยู่หนึ่งชั่วยามจึงหลุดพ้น

จู่ๆ ด้านนอกห้องก็มีเสียงดังอึกทึกขึ้นขัดจังหวะคนสองคนในห้อง หวังอี๋เหนียงและซ่งซานหลางต่างคนต่างรีบแต่งตัว หลังจากจัดการตนเองเรียบร้อยแล้วก็ทำความสะอาดหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ภายในห้อง ก่อนที่ซ่งซานหลางจะกระโดดหน้าต่างออกไป

ไม่นานบ่าวรับใช้ก็มาถ่ายทอดคำพูด เชิญหวังอี๋เหนียงไปที่ห้องโถงใหญ่

ซูโม่อี้เข้าใจทันที เยี่ยชิงคงจะเห็นว่าเขาไม่ได้ไปพบกับอีกฝ่ายตามเวลาและสถานที่ที่นัดหมายกันไว้ จึงได้ปลอมตัวเป็นมือสังหารไปก่อกวนการลาดตระเวนของจวนสกุลซ่งตามที่ได้วางแผนกันไว้ล่วงหน้า

กว่าทั้งสองจะย่องออกจากจวนสกุลซ่งได้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว ซูโม่อี้เงียบมาตลอดทาง หลินหวั่นชิงคิดว่าเป็นเพราะนางเกิดความคิดอยากจะมาสำรวจจวนสกุลซ่งในเวลากลางคืนจนทำให้เขาโกรธ ดังนั้นทันทีที่เข้าสู่ประตูศาลต้าหลี่แล้วก็รีบกลับห้องของตนเองอย่างซึมเซาด้วยความรู้สึกผิด

เมื่อเห็นหลินหวั่นชิงไปไกลแล้ว ซูโม่อี้จึงถามเยี่ยชิงว่า “เจ้าได้อะไรจากห้องของจ้าวอี๋เหนียงบ้าง”

เยี่ยชิงส่ายหน้า พูดอย่างหน้าม่อยคอตก “ไม่ได้อะไรเลยขอรับ” ดูท่าทางของทุกอย่างจะถูกทำความสะอาดอีกครั้ง วิธีการนี้เหมือนกับคดีเงินปลอมในตอนนั้นราวกับแกะ ฆ่าคนปิดปาก ทำลายศพ และทำลายหลักฐาน

ซูโม่อี้ไม่ได้ถามอะไรอีก แต่กลับไปที่ห้องหนังสือ แสงเทียนค่อยๆ สว่างขึ้น เขาหยิบกระดาษบันทึกออกมาจากแขนเสื้อ ในนั้นมีแต่ชื่อหนังสือเกี่ยวกับการขุดเหมืองแร่และการถลุงแร่ ซ่งเจิ้งสิงไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการหงโจวมาหลายปีแล้ว แต่หนังสือเหล่านี้ในห้องหนังสือกลับใหม่เอี่ยม เขารู้สึกแปลกใจจึงจดมาทั้งหมด

ซูโม่อี้หันกลับไปหาสำนวนความคดีหวังหู่ที่ชั้นไม้ด้านหลัง แล้วอ่านรายละเอียดทั้งหมดหนึ่งรอบ ตามที่หลินหวั่นชิงพูด มีดสั้นไม่ใช่อาวุธสังหาร แล้วในเมื่อไม่ใช่อาวุธสังหาร เหตุใดมันจึงปรากฏในที่เกิดเหตุ ยิ่งไปกว่านั้นหวังหู่ไม่ใช่คนที่ฆาตกรตัวจริงคิดถึงตั้งแต่แรก ดังนั้นมีดสั้นเล่มนั้นย่อมไม่ใช่หลักฐานที่ฆาตกรเจตนาจะโยนความผิดให้หวังหู่อย่างเด็ดขาด มันไม่สมเหตุสมผลเลย…

“โฮ่งๆ”

ยามนี้เองก็มีเสียงสุนัขเห่าดังกังวานมาจากระยะไกล นั่นเป็นสุนัขล่าสัตว์ชื่อ ‘ซืออวี้’ ที่เขาเลี้ยงไว้ในศาลต้าหลี่

ซูโม่อี้ลุกขึ้นยืนอย่างฉุนเฉียวและเปิดหน้าต่างออกทันที กลับเห็นหลินหวั่นชิงกำลังถูกซืออวี้ไล่กวดจนต้องวิ่งหนีอุตลุดไปทั่ว อีกฝ่ายกระโดดขึ้นลงอย่างไม่มีทิศทางใดๆ ดูท่าทางจนตรอกอย่างมาก

ซูโม่อี้ตกตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นจึงยกมุมปากขึ้น วันนี้อยู่ในตู้เสื้อผ้านั่น อาจเป็นเพราะถูกขังอยู่ในนั้นนานเกินไปจนขาดอากาศหายใจ สมองพร่าเบลอจนเขาเผลอคิดว่าหลินหวั่นชิงเป็นสตรี คนผู้นั้นจะเป็นสตรีไปได้อย่างไร ยามนี้ในใจของเขาพลันเกิดอยากแกล้งอีกฝ่ายขึ้นมา ขณะที่หันไปและกำลังจะปิดหน้าต่างก็ได้ยินเสียงหลินหวั่นชิงร้องเรียกด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเหยียบโดนอะไร ทันใดนั้นเท้าก็อ่อนยวบลง ตัวพุ่งไปข้างหน้า แล้วล้มลงกับพื้นในที่สุด

ทว่าในเวลานี้สุนัขล่าสัตว์ซึ่งปกติจะเย่อหยิ่งเย็นชาเหมือนซูโม่อี้กลับก้าวไปข้างหน้าและกอดขาของหลินหวั่นชิงเอาไว้

“สุนัขเจ้าชู้!” หลินหวั่นชิงตะโกนลั่นพร้อมถีบขาหวังจะสลัดมันออก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะซืออวี้กอดแน่นเกินไป นางถีบกี่ครั้งมันก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย อีกทั้งยังกอดขาของหลินหวั่นชิงแน่นอย่างตั้งใจ

“…” หัวใจของซูโม่อี้ราวกับจะหยุดเต้นได้กระนั้น เขามีสีหน้าไม่น่าดู จู่ๆ ก็เกิดความคิดวู่วามอยากจะเพิ่มพรมหนังสุนัขอีกสักผืน

“ซืออวี้!” ซูโม่อี้เรียกมันอย่างเย็นชา

สุนัขที่เมื่อครู่ยังคึกคักอยู่พอได้ยินเสียงเรียกนี้ก็ตกใจรีบหยุดขยับเอวเสียจนเอวเกือบเคล็ด

“กลับไป!” ซูโม่อี้ชี้หน้ามัน ซืออวี้พลันรีบวิ่งหนีหางจุกก้น

ผู้คนใต้แสงจันทร์พากันมองไปทางเขาราวกับยังไม่หายตกตะลึง ซูโม่อี้ก้มศีรษะหลบสายตาของหลินหวั่นชิง ขณะที่เขาหันหลังปิดหน้าต่างอย่างเด็ดขาด ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย

“สตรี…เป็นต้นเหตุของความหายนะ” เขาพึมพำเสียงเบาจนกระทั่งเสียงของเยี่ยชิงดังขึ้นที่ข้างหู

เยี่ยชิงหยิบเทียบเชิญใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้ซูโม่อี้แล้วพูดว่า “ใต้เท้า นี่มาจากในวังขอรับ”

เดิมทีซูโม่อี้ก็กำลังว้าวุ่นอยู่แล้ว ยามนี้จึงขมวดคิ้วถามว่า “มีอะไร”

เยี่ยชิงเอ่ยตอบ “เป็นเทียบเชิญให้เข้าร่วมการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิของพระราชวงศ์ขอรับ”

น้ำเสียงของซูโม่อี้หมดความอดทนเล็กน้อย “อ้อ ไม่ไป”

เปลือกตาของเยี่ยชิงกระตุก เขารู้สึกจนปัญญากับความอวดดีของเจ้านายตนเอง “แต่…เทียบเชิญนี้ไทเฮาทรงเป็นผู้ออกเองขอรับ”

ซูโม่อี้พูดอย่างขอไปที “อืม ครั้งก่อนเสด็จยายตรัสว่าไม่ต้องการพบข้าในระยะเวลาอันสั้นนี้ บอกไปว่าข้างานยุ่ง ปลีกตัวไปไม่ได้”

“แต่…” เยี่ยชิงพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะพูดโน้มน้าวต่อไปอย่างไรดี ต้องรู้ว่าผลของการทำอะไรตามอำเภอใจของเจ้านายผู้นี้ก็คือสายตาที่ไทเฮามองเขาจะไม่เป็นมิตรไปอีกนาน เขาทำได้เพียงหอบความหวังเพียงเล็กน้อยครั้งสุดท้าย อ่านเทียบเชิญนี้ตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อดูว่าจะหาข้ออ้างตรงกับความสนใจของอีกฝ่ายได้บ้างหรือไม่ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ใต้เท้า ราชเลขาซ่งก็ได้รับเชิญเช่นกันนะขอรับ”

คนที่เดิมทีกำลังคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ ก็ยืนตัวตรงขึ้นมาทันที หันมามองเยี่ยชิงแล้วพูดว่า “ซ่งเจิ้งสิงจะไปหรือ”

เยี่ยชิงพยักหน้าแล้วพูด “ขอรับ การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้เป็นข้ออ้างว่าฮ่องเต้เอาพระทัยใส่ขุนนางอย่างหนึ่ง ซ่งเจิ้งสิงไม่กล้าไม่ไป”

ซูโม่อี้ได้ยินดังนั้น จู่ๆ ดวงตาของเขาก็สดใสขึ้นมาทันที เขาเอ่ยตอบเยี่ยชิง “ถ้าเช่นนั้นก็ตอบรับคำเชิญแล้วกัน”

 

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน พฤษภาคม 2567)

 

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com