กฤติน ธนวัฒน์เดินดุ่มเข้าโรงแรมพรหมภัทราด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก เพราะเขากลับไปนั่งคิด นอนคิด กรองคำพูดของหล่อนซ้ำแล้วซ้ำอีก ตีความทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะท่อนที่บอกว่า ‘ฉัน…คนที่คุณรู้จักกับคนที่เพื่อนคุณรู้จักนั้นเป็นคนละคนกัน’ แล้วเห็นจริงดังคำกล่าวนั้นแท้ๆ เขาจึงเพียรโทรหาและมาคอยพบหล่อนตลอดสามวันที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าหล่อนหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับโทรศัพท์และปฏิเสธที่จะพบปะพูดคุยกับเขา หลบหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“ผมมาพบไทร่าครับ”
คุณรัชนก เลขาฯ หน้าห้องยิ้มทักทายเขา ก่อนจะยิ้มแห้งๆ ใส่เครื่องอินเตอร์คอมพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“คุณไทร่าคะ คุณกฤตินมาขอพบค่ะ”
“คุณนกช่วยเรียนคุณกริชด้วยนะคะว่า ฉันไม่ว่าง งานยุ่ง มีธุระอะไรก็ฝากเรื่องไว้กับคุณนกได้”
ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ อย่างพยายามควบคุมอารมณ์ หลังจากได้ยินประโยคนี้มาวันละสองเวลาถึงสามวันติดกัน ทำให้เขาคิดว่าฟิวส์คงขาดแน่ในวันที่สี่นี่ล่ะ
นิ้วเรียวยาวถือวิสาสะกดเครื่องอินเตอร์คอม พร้อมกรอกเสียงห้าวต่ำ คุกคาม “เปิดประตูเดี๋ยวนี้ไทร่า ถ้าคุณไม่อยากให้คนทั้งโรงแรมเค้ารู้กันหมดว่าเราทะเลาะกัน”
“คุณจะทำอะไร กลับไปเดี๋ยวนี้นะ” น้ำเสียงฉุนเฉียวจากปลายสายตอบกลับมาทันควัน
“ถ้าคุณไม่เปิดประตู คุณจะได้รู้แน่ว่าผมจะทำอะไร แล้วอย่ามาหาว่าผมไม่เตือน” เขายังคงรักษาระดับเสียงเดิมไว้ พยายามซ่อนความเกรี้ยวกราดที่เพิ่มขึ้น
อีกฝ่ายเงียบ ไม่มีเสียงตอบ
“ไทร่า…” กฤตินลองเรียกขาน
“ฉันเปิดประตูแล้ว” น้ำเสียงบูดๆ ตะคอกตอบกลับมา
กฤตินหันไปก้มศีรษะเล็กน้อยให้คุณเลขาฯ ผู้สูงวัยกว่า ก่อนจะตรงเข้าไปในห้องทำงานของหญิงสาว
ผู้หญิงซึ่งนั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงานลายไม้สไตล์โมเดิร์นกำลังมองมาด้วยนัยน์ตาวาววับ โกรธจัดจนแทบจะเห็นควันกรุ่นกระจายอยู่รอบตัว
“ฉันว่าฉันพูดไปชัดเจนแล้วนะ เราจบกันไปแล้ว ไม่ต้องมาทำความรู้จัก ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องอะไรกันอีก เพราะฉะนั้น เชิญ! มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น”
“มันจะมากไปแล้วนะไทร่า จบบ้าจบบออะไรกัน คุณจบของคุณคนเดียว คุณพูดของคุณคนเดียว ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“แล้วคุณจะมาพูดอะไรล่ะคะ รีบๆ พูดเข้าสิ ฉันมีเวลาไม่มาก”
อรกานต์เหลือบมองสันกรามเครียดเกร็งสลับกับดวงตาที่แผดกล้าดั่งมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่แล้วก็พอจะทราบได้ว่าขณะนี้เขาอยู่ในอารมณ์ไหน กระนั้นหล่อนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็เขาโกรธเป็นคนเดียวซะเมื่อไหร่ล่ะ
เมื่อกฤตินยังคงยืนทำท่าอยากจะบีบคอหล่อนอยู่อย่างนั้น อรกานต์จึงเริ่มเปิดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ ตั้งท่าอ่านอย่างใจเย็น
“นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาอ่านเอกสารอะไรนะ เงยหน้าขึ้นมาคุยกันก่อน”
“พูดมาสิคะ ฉันอ่านไปคุยไปได้”
“ผมต้องการให้เราคุยกันดีๆ”
“ฉันก็ยังไม่ได้พูดคำหยาบอะไร พูดดีทุกคำ”
หล่อนยังไม่เงยหน้าจากเอกสาร ในขณะที่เขาเริ่มหมดความอดทน
“ฟังนะไทร่า วันนั้นผมกลับไปคิดตามคำพูดของคุณทุกคำ และพิจารณาคุณ…คนที่ผมรู้จัก แล้วผมก็ตัดสินใจที่จะขอโทษคุณ ขอคืนดีกับคุณ แต่ก็มาเจอคุณกวนประสาทผมตลอดเวลาถึงสามวันซ้อน ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์หรือทางเครื่องอินเตอร์คอม”
“แล้วไง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ พลิกดูเอกสารหน้าถัดไปอย่างใจเย็น
บุตรชายคนเล็กของคุณฐิติ ธนวัฒน์ ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนเทวดาประจำบ้านมาแต่เล็ก ผู้ซึ่งไม่เคยพบพานกับการปฏิเสธจากผู้หญิงคนไหน ผู้ซึ่งไม่เคยต้องอดทนอดกลั้นกับใคร กำลังหมดทั้งความอดทนและความอดกลั้นกับผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่เขาสนใจจริงจัง
“พอกันทีไทร่า ผมตั้งใจจะมาคุยกับคุณ ปรับความเข้าใจกับคุณ แต่ในเมื่อคุณไม่คุยกับผม ก็โอเค ไม่เป็นไร ผมกลับก่อนก็ได้ แต่คราวหน้า…” กฤตินเน้นเสียงที่คำว่า ‘คราวหน้า’ อย่างหนักแน่น “คราวหน้าคุณจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งแจ้นไปคุยกับผมถึงที่ คอยดู”
“ไม่มีวัน” อรกานต์ตอบกลับเสียงเข้ม แววตาเรืองรอง
“ก็คอยดูไปสิ ผมไม่มีวันยอมโดนคุณสลัดทิ้งเหมือนถอดเสื้อใส่ตะกร้าหรอก”
อรกานต์ทำเสียงขึ้นจมูกดังหึ “โดยเฉพาะเมื่อเสื้อตัวนั้นยังไม่ได้ใส่เลยใช่มั้ยล่ะ”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ขณะที่หญิงสาวคำราม
“ไม่มีวันที่ฉันจะแจ้นไปหาคุณ และไม่มีวันที่ฉันจะขึ้นเตียงกับคุณ รู้ไว้ซะด้วย”
“แล้วเรามาคอยดูกัน” กฤตินทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวกว่าเดิม