ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารัก
ทดลองอ่าน คือ… เธอ บทที่ 2-บทที่ 3
ชายคนแรกปราดเข้ามายืนเคียงข้างหล่อน แตะปลายแขนเล็กน้อยอย่างสุภาพ “ไทร่าครับ นี่เพื่อนผม กฤติน”
“กริช นี่คุณไทร่า ธีร์วรา ภคภัทรา”
ดวงหน้าคมเข้มเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ที่มุมปาก พาให้ใจไหวพลิ้วอีกครั้ง
“สวัสดีครับ ผม กฤติน ธนวัฒน์”
หล่อนทำได้แค่เพียงยิ้มตอบ พยายามระงับอาการประหม่าที่แล่นเข้ามาเป็นระลอกดั่งคลื่นกระทบฝั่ง เลี่ยงการสบสายตาตรงๆ ด้วยเกรงว่าแววตาของหล่อนจะสะท้อนความรู้สึกจนหมดสิ้น
“ผมเป็นเพื่อนสนิทกับทินกร เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เกาะติดกันมาแต่ชั้นประถม”
อ้อ! หนุ่มผิวขาว หน้าหล่อใสชื่อทินกรนี่เอง
“แต่กริชไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่ขึ้น ม.1 เรียนจนจบตรี ทำงานที่นั่นหาประสบการณ์ก่อนสองปี แล้วก็ต่อโท ทำงานหาประสบการณ์อีกปีแล้วค่อยกลับมาเมืองไทยนี่ล่ะครับ”
“คุณกริชเพิ่งกลับประเทศไทย หลังจากไปอยู่อังกฤษมาสิบกว่าปีหรือคะ”
“เปล่าครับ” กฤตินยิ้ม “ผมกลับมาได้สามปีแล้ว โดนเรียกกลับครับ ท่านว่าส่งเสียไปหลายตังค์กว่าจะได้เรียนจนจบ กลับมาทำงานใช้ทุนท่านเสียที”
หล่อนพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ…สวนกันพอดี เขากลับมาได้สามปี หล่อนไม่อยู่สามปี…
“ดีค่ะ ประเทศไทยจะได้มีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น”
“ครับ เหมือนผมนี่ไง” ทินกรแทรก “ผมไปเรียนปริญญาตรี จบปุ๊บก็ต่อปริญญาโทปั๊บ เสร็จแล้วก็กลับมาทำงานเลย ประเทศไทยไม่เสียดุล”
อรกานต์ยิ้ม “ค่ะ ฉันก็จบปุ๊บ กลับปั๊บเหมือนกัน”
สองหนุ่มยืนสบตากัน หยั่งเชิงกันอยู่ในที เรียกได้ว่าเพื่อนกันก็อ่านกันออก แค่มองตาก็เห็นทะลุได้ถึงตับไตไส้พุง เพียงครู่ทินกรจึงขอตัว
กฤตินผายมือเชิญหล่อนไปยืนในบริเวณที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น อรกานต์ยังใจเต้นตึกตัก หากก็ยังคงความนิ่ง สำรวมไว้ได้
“คุณกับทินกรรู้จักกันมาหลายปีแล้วหรือครับ”
“ค่ะ ก็หลายปีอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่สมัยฉันยังเรียนอยู่มหา’ลัย” หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางยิ้ม รู้อยู่กับตัวเองคนเดียวว่ายิ้มสู้ไม่ใช่ยิ้มหวาน
“แต่คุณคงไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยกับฉันเรื่องคุณทินกรหรอก จริงมั้ยคะ”
หล่อนไม่รู้จักทินกร ไม่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างไทร่ากับทินกร และไม่คิดจะรู้ด้วย ดังนั้นการเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ได้เป็นดีที่สุด
และประโยคที่พูดไปนั้นได้ผล กฤตินส่งนัยน์ตาวาววับมาก่อนจะตัดบท “จริงครับ เรื่องทินกรไม่น่าคุยหรอก คุยเรื่องคุณดีกว่า”
“เรื่องของฉันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกค่ะ น่าเบื่อออก”
แต่นั่นขวางนายพรานมือฉมังระดับกฤตินไม่ได้หรอก เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เขาก็รู้หมดว่ากระต่ายตัวนี้เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยจนถึงปีสี่ แต่เรียนไม่จบ จากนั้นจึงไปเรียนด้านการโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่งสำเร็จกลับมาและเพิ่งเริ่มงานที่โรงแรมพรหมภัทรานี้ได้ไม่กี่วันในตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ มีคุณวิรัช ผู้จัดการทั่วไปเป็นผู้สอนและมอบหมายงาน และมีเลขาฯ คนสนิทของคุณสาริศ ชื่อรัชนกมาคอยเป็นผู้ช่วย
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังรู้ว่าหล่อนชอบฟังเพลงแนวไหน ดูหนังประเภทใด อ่านหนังสือประเภทไหน มีการสันทนาการยามว่างอย่างไร และที่สำคัญ ตอนนี้ทั้งตัวและหัวใจยังว่าง
หล่อนเองก็ได้ทราบว่าเขาคือบุตรชายของคุณฐิติ ธนวัฒน์ นายธนาคารผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าของ
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย…ทั้งหล่อเหลือร้าย และยังรวยล้นฟ้า
นี่เป็นผู้ชายประเภทที่อรกานต์เลือกที่จะหลบก่อนใครเพื่อน หล่อนมีทฤษฎีของหล่อนเองว่า ถ้ามีทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติพร้อมขนาดนี้แล้วล่ะก็ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ล้วนเป็นเพลย์บอย
ดังนั้นหญิงสาวจึงจ้องหาโอกาสที่จะขอตัวหลบฉากออกมา ปิดการสนทนาในครั้งนี้เสีย หากชั้นเชิงผิดกันมากนัก คู่ต่อสู้มิเปิดโอกาสให้หล่อนทำเช่นนั้นได้
อรกานต์จึงได้รับทราบต่อมาถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเพื่อนสนิท ดูเหมือนทินกรจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาในประเทศไทย ทั้งคู่เรียนโรงเรียนประถมชายล้วนมาด้วยกัน ครั้นกฤตินไปเรียนชั้นมัธยมที่ประเทศอังกฤษจึงห่างหายจากเพื่อนคนอื่นๆ ไป มีเพียงทินกรเท่านั้นที่ยังส่งจดหมายถึงกันสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาหลายปี และกลับมาสนิทสนมกันเหนียวแน่นเหมือนเดิม เมื่อทินกรไปใช้ชีวิตอยู่กับกฤตินที่อังกฤษถึงหกปีระหว่างเรียนปริญญาตรีและปริญญาโท
กฤตินทำงานที่ธนาคาร เป็นผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งในกิจการที่คุณพ่อและคุณอาของเขาเป็นผู้บุกเบิก ส่วนทินกรเป็นบรรณาธิการและบรรณาธิการร่วมของนิตยสารถึงสามเล่ม และเป็นนักเขียนที่มีค่าตัวแพงคนหนึ่ง เพิ่งรู้ว่าพ็อกเก็ตบุ๊กเบาสมองเล่มบาง หนึ่งในจำนวนเล่มโปรดของหล่อนนั้น ก็เป็นผลงานของทินกรเช่นกัน
เพียบพร้อมทั้งคู่…สองเสเพลย์บอย…อันตรายอย่างยิ่ง!
หญิงสาวบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่าให้หาทางปลีกตัวออกมาซะ แต่เมื่อหาหลายวิถีทางแล้วไม่เป็นผล จึงตัดบทง่ายๆ “ขอตัวก่อนนะคะ ฉันจะไปหาคุณพ่อสักครู่”
“คุณพ่อคุณยังไม่กลับหรอก กำลังคุยเพลิน”
“ค่ะ แต่ก็ดื่มไปมาก ต้องไปเตือนหน่อยค่ะ หมอห้ามไม่ให้ดื่มเยอะ”
ว่าแล้วก็หมุนตัวขวับเตรียมเผ่นทันที แต่นายพรานก็ไวกว่ากระต่ายจนได้
กฤตินคว้าแขนขาวๆ นั้นไว้ได้ทันควัน ไม่ได้บีบจนเจ็บ หากก็จับไว้แน่น และมั่นคงพอที่จะไม่ปล่อยให้หลุดไปได้ง่ายๆ “ผมจะเดินไปเป็นเพื่อน”
“คะ!?” อรกานต์อุทานเสียงสูง จะโวยวายมากกว่านี้ก็ไม่กล้า ด้วยใบหน้าคมคร้ามนั้นแม้จะดูราบเรียบ หากในแววตาเหมือนมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
กฤตินไม่พอใจจริงๆ เขาไม่เคยชินกับการปฏิเสธจากผู้หญิง ไม่ว่าจะสวยระดับไหนก็ตาม
ดวงตาหวานซึ้งสบกับตาคมกริบอยู่พักหนึ่งก่อนอรกานต์จะถอนใจอย่างยอมแพ้ ยอมให้เขาเดินเคียงคู่เข้าไปหานายพลธาริต จำใจต้องแนะนำให้เขารู้จักกับบิดา และหลังจากที่หล่อนเตือนท่านนายพลเบาๆ เกี่ยวกับการดื่มเหล้าแล้ว หล่อนก็ต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่สนทนากับกฤตินจนเลิกงาน