กฤตินยืนอยู่ที่มุมห้องด้านนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มของความโกลาหล พนักงานคนที่รับเงินจากเขาไปทำงานได้คุ้มค่าตอบแทนดีมาก ภาพขยายของคู่บ่าวสาวไปนอนนิ่งอยู่ที่ท้ายรถเขาโดยไม่มีใครจับได้ แผ่นโฟมชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หักได้แนบเนียนเหมือนอุบัติเหตุธรรมดา แถมเขายังได้มุมสำหรับยืนดูเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจนโดยไม่มีใครสงสัยอีกด้วย
เขามองหล่อนตั้งแต่เดินหน้าเศร้าเข้ามารับฟังคำตำหนิจากบิดามารดาของเจ้าบ่าวแล้ว จากนั้นคะแนนความนิยมในใจก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นการรับมือกับปัญหาทั้งหลายของหล่อน หล่อนตั้งสติได้ดีเยี่ยม จัดการกับแต่ละปัญหาอย่างทุ่มเทสุดความสามารถ ลุยแหลก ไม่มีท่าทีท้อแท้หรือท้อถอย
ระดับความนิยมแทบจะทะลุปรอทแตกอยู่แล้ว ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้เดินเข้ามา ธีร์วราดีใจจนแทบเต้น พูดจาเสวนาด้วยอย่างยิ้มแย้มยินดีทุกคำ แถมยังยิ้มให้หวานหยด
ทีกับเขาล่ะ ตีรวนชวนทะเลาะตลอด คิดแล้วมันอดน้อยใจ ปนหวั่นใจไม่ได้
นี่เขาหึงหรือ
ขนาดตัวเองยังไม่แน่ใจเลยว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือต้องหาทางคืนดีกับหล่อนให้เร็วที่สุด ถ้าไม่อยากจะกระวนกระวายอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
อรกานต์รีบรุดไปยังห้องอาหารอิตาเลียนและกลับมาภายในระยะเวลาอันรวดเร็วพร้อมเหล้านอกราคาแพงในมือ หยุดยืนสำรวจผลงานชิ้นโบแดงอย่างยินดี
“เรียบร้อยแล้ว ผมกลับนะ”
“เดี๋ยว” หญิงสาวรั้งเพื่อนไว้ พลางส่งสุราชั้นดีขวดนั้นให้
“ไม่เป็นไรหรอกไทร่า เพื่อนช่วยเพื่อนน่ะ”
“รับไว้เถอะ อย่าไปคิดว่าเป็นค่าจ้างหรืออะไร คิดซะว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่ก็เป็นของฝากให้เอากลับไปแบ่งกันกิน”
“ไม่เป็นไรจริงๆ”
“รับไปเถอะนนท์ ฉันขอบคุณมากจริงๆ สำหรับความช่วยเหลือในวันนี้ และซาบซึ้งมากกับความเป็นเพื่อนที่ยังมีให้”
อีกฝ่ายมองสบตาหล่อนนิ่ง สายตาลึกล้ำแน่วแน่เสียจนอรกานต์คิดว่าหล่อนควรจะต้องพูดอะไรแทนไทร่าซะหน่อย
“ฉันขอโทษเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ทั้งกับนนท์และกับเพื่อนคนอื่นๆ ถ้าทุกคนยังให้โอกาส ยังนับฉันเป็นเพื่อนอยู่ ฉันก็อยากจะเป็นเพื่อนกับทุกคน และครั้งนี้…สัญญาเลยว่าจะเป็นเพื่อนที่ดี”
ดวงตาซื่อๆ ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อนแน่วแน่ “กับผมก็เป็นเพื่อนใช่มั้ย”
“อืม” หล่อนรับคำเสียงเบาทว่าหนักแน่น
คนตรงหน้าถอนใจก่อนจะยิ้ม เอื้อมมือมารับของกำนัลไปจากมือหล่อน “งั้นก็ขอรับขวดนี้ไว้เป็นของฝากจากเพื่อนฝูงแล้วกัน”
สตรีสาวสวยหวานยิ้มแฉ่งแบบไอ้ทอมบอยหัวโจกคู่หูนิลยาเด๊ะให้แทนคำขอบคุณ
นี่ไทร่า…ฉันคลายปมให้ผู้ชายคนนี้ได้แล้วนะ อย่างน้อยถ้าเขาหายเจ็บจากแผลที่เธอสร้างไว้ ฉันขอถือเป็นกุศลให้เธอ…
รองผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมพรหมภัทราทิ้งกายลงนอนบนเตียง
“เฮ้อ!” หมดวันอันยุ่งเหยิงไปอีกวัน
เป็นอย่างที่หล่อนคาดเอาไว้จริงๆ ภาพถ่ายคู่บ่าวสาวบานใหญ่มาปรากฏอยู่ที่มุมห้องเมื่อตอนงานเลิก มันกลับมาได้อย่างเงียบเชียบเหมือนตอนที่หายไปไม่มีผิด คงจะเป็นฝีมือของวายร้ายสุดหล่อที่เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในใจของหล่อนตลอดเวลาแน่ๆ
หญิงสาวสปริงตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปอาบน้ำ พลางสั่งตัวเองอย่างหนักแน่น ไม่ให้ว่อกแว่กไปคิดถึงใบหน้าคมเข้มของเขาคนนั้นอีก
หล่อนตัดสินใจนอนค้างที่โรงแรมในคืนนี้ เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง กว่างานจะเลิกก็ดึกแล้ว ค้างเสียที่นี่จะได้มีเวลานอนมากขึ้น ห้องชุดส่วนตัวของหล่อนบนชั้น executive floor ซึ่งอาสาริศยกให้ตั้งแต่แรกเริ่มเข้าทำงานก็มีข้าวของเครื่องใช้ของหล่อนพร้อมอยู่แล้ว เนื่องจากหล่อนมักจะค้างที่นี่ในวันที่ประสงค์จะอยู่เย็น (หรือตื่นเช้า) มาใช้ห้องออกกำลังกายหรือสระว่ายน้ำอยู่เสมอ
อรกานต์หลับลึกภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่แล้วภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องสะดุ้งตื่นจากเสียงโทรศัพท์ที่แผดลั่นไม่ยอมหยุด
“ฮัลโหล” หล่อนกรอกเสียงงัวเงียลงไป คิดในใจว่า ถ้ากฤตินโทรมาแกล้งล่ะก็ หล่อนด่ากลับแน่
“คุณไทร่าคะ มิสเตอร์ทานากะ ห้อง 624 โรคหัวใจกำเริบค่ะ”
“คะ?!” อดีตจิตรกรสาวตื่นเต็มตาทันที ตกใจจนแทบจะคุมสติไม่อยู่ “เรียกรถพยาบาลรึยังคะ”
“เรียกแล้วค่ะ แต่ยังมาไม่ถึง ไม่ทราบว่าจะรอดีหรือให้เอารถโรงแรมออกเลยดีคะ คุณพยาบาลบอกว่าไม่น่าไว้ใจค่ะ”
“เรียกรถไปนานรึยังคะ”
“สักพักแล้วค่ะ”
“ฉันขอให้อยู่ในดุลพินิจของคุณพยาบาลแล้วกันค่ะ ถ้าต้องใช้รถของโรงแรมก็ใช้ได้เลย ให้คุณเค้าคอยตามไปปฐมพยาบาลบนรถด้วย ไม่ต้องห่วงห้องพยาบาลทางนี้นะคะ เดี๋ยวฉันจะหาคนไปแทนให้”
“ค่ะ”
“ไม่ต้องตกใจนะคะ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”