บทนำ
หญิงสาวผู้นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียงถึงสองวันเริ่มรู้สึกตัวทีละน้อย กลิ่นอบอวลของยาและวัสดุทางการแพทย์ต่างๆ ทำให้พอจะรับรู้ได้ว่าตนกำลังอยู่ในโรงพยาบาล อรกานต์หายใจเข้าช้าๆ พลางค่อยๆ ขยับกายให้นอนอยู่ในท่าที่สบายขึ้น ก่อนจะเปิดเปลือกตาและพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างของห้อง
มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้กับเตียงหล่อน และกำลังมองมาทางหล่อนอย่างสนอกสนใจ
“ตื่นแล้วหรือคะคุณ หนูกดกริ่งเรียกพยาบาลให้นะคะ”
อรกานต์ไม่ตอบ หล่อนมองไปรอบๆ ห้อง แน่ใจมากขึ้นว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาล และเมื่อมองย้อนกลับมายังผู้หญิงผมยุ่งประบ่า ใบหน้าแบนๆ กรามสี่เหลี่ยม ผิวค่อนข้างขาวที่ขณะนี้มาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียงแล้วก็ไม่รู้จะพูดจะตอบอย่างไร หล่อนแน่ใจว่าหล่อนไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน
เมื่อพยายามนึกไปถึงภาพความทรงจำครั้งหลังสุด อรกานต์จำได้ว่าตนเองนั้นกำลังเดินออกจากมหาวิทยาลัยด้วยความรีบร้อน ในมือถือขาตั้ง แผ่นกระดาน กระดาษ สี และอุปกรณ์วาดภาพทั้งหมดพะรุงพะรัง หล่อนมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจแล้วว่าปลอดภัย จึงรีบเดินข้ามถนน แต่แล้วรถคันหนึ่งก็เลี้ยวโค้งผ่านหัวมุมถนน ตรงดิ่งมาทางหล่อนด้วยความเร็วสูง
แล้วก็รู้สึกเหมือนกับวูบไป หล่อนนึกออกอยู่แค่นั้น
บางทีผู้หญิงคนนี้อาจเป็นคนที่ขับรถคันนั้นก็ได้
“เกิดอะไรขึ้นคะ” อรกานต์ถามเสียงแผ่ว
คนข้างเตียงมองหล่อนแปลกๆ ท่าทางอึกอัก “คุณเกิดอุบัติเหตุน่ะค่ะ”
“แล้ว…คุณพาฉันมาส่งโรงพยาบาลหรือคะ”
ทีนี้ผู้หญิงคนนั้นมองหล่อนด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผี “ปะ…เปล่าค่ะ คะ…คือ…มีคนพาคุณส่งโรงพยาบาลแล้วโทรแจ้งทางบ้าน คุณผู้หญิงมาดูแลจัดการจนคุณอยู่ห้องพิเศษแล้ว ท่านก็ให้หนูเฝ้าคุณต่อค่ะ ท่านต้องรีบไปธุระ”
คราวนี้ถึงทีที่อรกานต์จ้องมองคนพูดราวกับว่าอีกฝ่ายมาจากดาวอังคาร “คุณผู้หญิง? คุณผู้หญิงไหน”
“กะ…ก็…คุณ…คุณแม่ของคุณไงคะ”
“แม่ฉัน?” คนป่วยย้อนเสียงสูง
แม่ของหล่อนกลายเป็น ‘คุณผู้หญิง’ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อรกานต์นึกถึงใบหน้าซึ่งเจือรอยยิ้มอยู่เสมอของมารดา ใครต่อใครมักจะเรียกแม่ของหล่อนว่า ‘อาจารย์’ ต่างหาก แม่ของหล่อนเป็นอาจารย์สอนวรรณคดีอยู่ที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง มีลูกศิษย์ที่รักและเคารพมากมาย แต่…คงไม่มีใครเคารพถึงขนาดเรียกท่านว่า ‘คุณผู้หญิง’ หรอก
หล่อนพยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง ‘ผู้หญิงคนนั้น’ รีบเข้ามาช่วยประคองโดยไม่ต้องร้องขอ เมื่อได้ท่านั่งที่สบายถูกใจแล้ว หล่อนก็ยกมือขึ้นเสยผมตามความเคยชิน
อรกานต์ชะงัก นัยน์ตาเบิกกว้างทันทีที่รับรู้ได้ว่ามีสิ่งผิดปกติ ผมของหล่อน…ผมของหล่อนไม่ใช่ผมซอยสั้นซึ่งมีปอยผมลงมาระโหนกแก้มอยู่เสมอ หากแต่เป็นผมเส้นเล็ก…เล็กและนุ่มละเอียดกว่าผมของหล่อนเอง กลุ่มไหมนุ่มสลวยนี้ยาวตรง ดกหนา และคาดว่าน่าจะยาวถึงกลางหลัง หล่อนจับเส้นผมกลุ่มหนึ่งขึ้นมาพิจารณาและพบว่ามันเป็นสีน้ำตาลไหม้ เงาวับล้อแสงไฟ สวยมากทีเดียว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ยังไม่ทันที่จะถามหรือทักท้วงใดๆ นางพยาบาลสองคนก็เข้ามาพร้อมกับเครื่องวัดความดัน คนหนึ่งยกข้อมือของหล่อนขึ้นตรวจชีพจรทันที ส่วนอีกคนส่งยิ้มให้ก่อนจะเริ่มซักถามอาการต่างๆ ของตัวหล่อน
“ตอนนี้แพทย์เวรกำลังตรวจคนไข้ตามตึกอยู่ค่ะ แต่อีกสองชั่วโมงคุณหมอปราโมทย์ก็จะมาแล้ว คุณไทร่าไม่เป็นอะไรมาก พี่ว่ารอคุณหมอปราโมทย์ทีเดียวเลยดีไหมคะ”
พยาบาลคนหนึ่งถามเมื่อซักถามอาการทั่วไปของหล่อนเสร็จเรียบร้อย อรกานต์อึ้งไปครู่ใหญ่ ค่อยๆ เรียบเรียงประโยคคำถามเมื่อครู่ในสมองเสียใหม่…คุณไทร่า…มีคนเรียกหล่อนว่า ‘คุณไทร่า’ นี่มันอะไรกันวะเนี่ย
แต่ก่อนที่จะได้ทักท้วงอะไร หล่อนก็นึกขึ้นมาได้ถึงพวงผมซึ่งยาวสยายอยู่กลางหลัง
อรกานต์นิ่งเงียบ คิ้วขมวดมุ่น ใช้ความคิดอย่างหนัก
“ตกลงรอคุณหมอปราโมทย์ไหมคะ หรือจะให้คุณหมอประวิทย์เข้ามาตรวจก่อน”
“รอค่ะ” อรกานต์ตอบเรียบๆ
“แล้วคุณไทร่าจะให้พี่โทรแจ้งคุณหญิงเลยมั้ยคะว่าคุณตื่นแล้ว หรือจะให้แดงโทร”
“เดี๋ยวให้แดงโทรค่ะ” หล่อนตอบเรียบๆ อีกครั้ง รับรู้โดยอัตโนมัติว่าผู้หญิงหน้าเหลี่ยมคนนั้นชื่อแดง และคงจะเป็นเด็กรับใช้ในบ้านของคุณหญิงกับคุณไทร่า
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหล่อนล่ะ นั่นสิ…ลูกสาวของอาจารย์มหาวิทยาลัยระดับแนวหน้ากับวิศวกรใหญ่ประจำบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ อย่างไรเสียก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับ ‘คุณหญิง’ หรือ ‘คุณไทร่า’
พยาบาลออกจากห้องไปแล้ว หากคนชื่อแดงยังคงนั่งมองหล่อนไม่วางตา
อรกานต์รู้สึกกระอักกระอ่วนใจพิกล เล่นจ้องกันแบบนี้ หล่อนจะคิดจะพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ เห็นทีต้องขอหลบไปอยู่เงียบๆ คนเดียวซักพัก
“ฉัน…ฉันอยากไปห้องน้ำ”