นางหรี่ตาลง แค่นเสียงทางจมูก “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าช่วยชีวิตข้า มิใช่แค่อยากสังเกตสภาพร่างกายอันแปลกประหลาดของข้าหรือ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังคิดจะใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อ หลอกปีศาจพวกนั้นเข้ามา จะได้จับมาศึกษาใช่หรือไม่”
นางไม่เคยเจอคนอย่างเขามาก่อน ไม่มีคนใด ถึงขั้นไม่มีปีศาจตนใดที่ท่าทีภายนอกและความคิดในใจขัดแย้งกันเช่นนี้ ไร้ยางอายถึงขั้นสุด
ตอนแรกนางยังคิดว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดา แต่วันนั้นตอนเขาป้อนยาให้พลางจดบันทึกอาการของนางไปด้วย นางก็สังเกตเห็นความคิดของชายผู้นี้ รู้ว่าเขาแค่เห็นนางเป็นสัตว์ประหลาดหายากตัวหนึ่ง
ดังนั้นนางจึงปล้นรถเทียมลาและทรัพย์สินของเขาโดยไม่ต้องคิด
ภายหลังพบกันอีกครั้ง เขาช่วยชีวิตนางไว้อีก นางยังคิดว่าเขาโง่งม ใครจะไปคิดว่านางจะหลงกล ตื่นขึ้นมาถึงพบว่าชายผู้นี้เมื่อรู้ว่าเลือดของนางล่อปีศาจได้ก็คิดจะใช้นางเป็นเหยื่อล่อ ถึงขั้นพูดโกหกในหัวสมองของตัวเองเพื่อหลอกลวงนาง
นางไม่เคยเห็นใครมีความสามารถเหมือนอย่างเขา สามารถควบคุมความคิดจิตใจในหัวสมองของตัวเองได้อย่างอิสระ
ตื่นมาอีกครั้งนางพยายามจ้องตาอีกฝ่าย หมายจะสะกดจิตควบคุม สั่งให้อีกฝ่ายคลายจุดชีพจรบนตัวนาง จากนั้นจึงพบว่าเขาถึงขั้นต้านทานนางได้
พันปีที่ผ่านมาบางครั้งนางจะเจอคนที่หัวสมองแตกต่างจากคนทั่วไปเช่นเขาบ้าง แต่คนประเภทนี้มีน้อยยิ่งนัก ทว่าเขากลับเป็นหนึ่งในนั้น
พอคิดถึงวันนั้นที่โดนเขาหลอก นางก็เดือดดาลกว่าเดิม
หลายวันมานี้นางรู้แล้วว่าในใจของคนผู้นี้ไม่ได้รู้สึกละอายต่อสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไปแม้แต่น้อย
“ใช่ ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ”
ได้ยินนางตำหนิเขาเช่นนี้ เขากลับยิ้มอย่างไม่ยี่หระ แทะเจินจื่อ อีกผลและพูดอย่างเปิดเผย “แต่เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าต่อเจ้าหรือข้าล้วนมีประโยชน์? เจ้าบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ อยู่ลำพังคนเดียว เกรงว่าคงเดินทางไปได้ไม่พ้นร้อยลี้ มิสู้ไปเป็นแขกบ้านข้าให้ข้ารักษาเจ้า ถ้ามีคนมารบกวน ยังมีข้าคอยช่วยจัดการให้ด้วย เช่นนี้ไม่ดีหรือ”
หญิงสาวถลึงตาใส่เขาอย่างขุ่นขึ้ง ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็ได้ยินเขาหัวเราะพูดต่อว่า
“ใช่แล้ว ลืมตอบคำถามเมื่อครู่นี้ของเจ้า เจ้าของหอหงส์เป็นอาจารย์อาของข้า ข่าวลือในยุทธภพทั้งหมดที่เจ้าได้ยินมาล้วนเป็นความจริง เขาปราบปีศาจได้ ทั้งยังรู้ศาสตร์ฉีเหมินตุ้นจย่า เจนจัดคัมภีร์อี้จิง และปากว้า ข้าก็ได้ศึกษามาเล็กน้อยเช่นกัน ดังนั้นเจ้าตามข้าไปเป็นแขกได้อย่างสบายใจ แม้วิชาข้ายังไม่ลึกล้ำ แต่ให้รับมือกับพวกกระจอกทั้งหลายยังพอได้อยู่”
สิ่งที่ไล่ล่าตามนางหาใช่พวกกระจอก แต่นางไม่โง่ถึงขั้นบอกความจริงกับเขา ตอนนี้คนผู้นี้แค่รู้ว่าเลือดนางดึงดูดมารปีศาจได้ก็คิดจะใช้ประโยชน์จากนางอย่างไร หากเขารู้ความจริงคงไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่ เกรงว่าคงใช้ประโยชน์จากนางให้ถึงที่สุด
ดังนั้นนางจึงหยุดคำพูดเสียดสีเอาไว้ ริมฝีปากปิดสนิท ใครจะไปคิดว่าเขายังจะพูดต่อ
“อีกอย่าง เจ้าต่อสู้กับเหล่ามารปีศาจมาตลอดทางเช่นนี้ ทำให้เกิดการเข่นฆ่านองเลือด ระหว่างทางจะต้องมีผู้บริสุทธิ์ตายไปอีกเท่าไร ดังนั้นจะว่าไป เจ้ากลับบ้านกับข้าและไปเป็นแขกที่บ้านข้าย่อมเป็นเรื่องที่ดีต่อเจ้า ดีต่อข้า และดีต่อทุกคนมิใช่หรือ”
คำพูดนี้ทำให้เส้นเลือดเขียวตรงขมับนางนูนขึ้นมา ยังคงอดพ่นวาจาออกมาอีกคำไม่ได้
“ผายลมน่ะสิ!”
นางเพิ่งพูดจบก็ได้ยินเสียงปู้ด เขาผายลมออกมาหน้าตาเฉย