ลมหิมะพัดอยู่ข้างนอก
ซ่งอิ้งเทียนปิดตาหลับสนิทอยู่บนเตียง แต่กลับตื่นขึ้นมาตอนยามสี่*
ในเตาฝังพื้นยังเหลือถ่านที่เผาไหม้ช้าๆ ลมหิมะนอกห้องยังไม่หยุดพัด แต่ค่ายกลยังคงเดิม หาได้เสียหายเพราะลมฝนหรือหิมะ
ไม่ต้องออกไปดูข้างนอกเขาก็รู้ว่าฟ้ายังไม่สว่าง แต่เขายังคงเลิกผ้าห่มลุกขึ้นและสวมเสื้อคลุม
เขาไม่ได้สะดุ้งตื่นเพราะลมหิมะ และไม่ได้ดื่มน้ำก่อนนอนมากไปจนอยากตื่นมาเข้าห้องส้วม
หมู่นี้เขามักตื่นขึ้นมาเวลานี้ จะตื่นขึ้นมาเวลานี้เสมอ เพียงเพราะความเคยชิน
ซ่งอิ้งเทียนเปิดประตู ประตูไม้เลื่อนไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ บนชานเรือนมีหิมะทับถมอยู่ หิมะสีขาวในลานตรงกลางยิ่งทับถมจนหนาเชียะกว่า เขาไม่เสียเวลาสวมรองเท้าหุ้มข้อ แต่เดินไปตามชานเรือน อ้อมลานมาถึงหน้าห้องของอาหลิงและเปิดประตู
หญิงสาวในห้องขดตัวอยู่ในผ้าห่มตัวสั่น ไม่ใช่เพราะร้อนและไม่ใช่เพราะหนาว
เขาปิดประตู กันลมหิมะไว้ข้างนอก ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างกายนาง
เขาไม่ได้จุดไฟ แต่อาศัยแสงริบหรี่จากถ่านไฟที่เหลืออยู่ในเตาฝังพื้นจ้องมองนาง
แม้อากาศจะหนาวเหน็บ แต่นางยังคงเหงื่อออกท่วมตัว ดวงหน้าเล็กยับย่นเหมือนผักดองตากแห้งเพราะความโกรธแค้น น้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาหยิบยาห่อหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วโรยลงในเตาฝังพื้นเบาๆ
ผงยาเผาไหม้ทันที ทำให้ในห้องหอมอบอวล
กลิ่นหอมนี้ไม่เข้มข้น เจือจางมากแต่กลับหอมยิ่ง สามารถทำให้จิตใจสงบลงได้
ไม่นานหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นของนางก็คลายออกเล็กน้อย ทว่าน้ำตายังคงไหลริน
ความจริงเขาอยากขอให้ไป๋ลู่แอบใส่กำยานสงบใจนี้ลงในเตาฝังพื้นของนางเสียเลย แต่หญิงผู้นี้ขี้ระแวง หากนางรู้เข้าจะต้องระแวงเขามากกว่านี้แน่ ไม่แน่แม้แต่ข้าวยังไม่ยอมกินด้วยซ้ำ
เขางอเข่าข้างหนึ่ง นั่งลงข้างกายนาง หลุบตามองหญิงสาวตรงหน้า
ช่วงแรกที่เก็บนางได้ เขาใส่ใจแต่บาดแผลบนร่างกายนางและความเร็วในการฟื้นฟูร่างกาย แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาสังเกตเห็นว่าทุกวันเมื่อถึงเวลานี้ ในช่วงเวลาที่ราตรีมืดดำที่สุด นางมักจะฝันร้าย
ดูเหมือนนางเองก็รู้ ดังนั้นทุกวันเมื่อถึงเวลานี้นางมักไม่ยอมนอน
หากเป็นคนอื่นคงต้องล้มป่วยเพราะถูกฝันร้ายก่อกวนทุกคืนจนร่างกายและจิตใจอ่อนแอ แต่นางมีความสามารถในการผลาญพลังของตัวเอง ดังนั้นจึงฝืนทนเช่นนี้ได้ทุกวันจวบจนรุ่งสาง
แต่มีบางครั้งนางจะเหนื่อยจนหลับไป ฝันร้ายที่น่ากลัวยามค่ำคืนมักจะทำให้นางติดอยู่ในนั้น ความโกรธแค้นและความหวาดผวา ความกลัวและความโมโหล้วนฉายชัดอยู่บนใบหน้า เห็นแล้วน่าตกใจ
ความฝันเช่นไรถึงทำให้นางตระหนกได้เช่นนี้ เกลียดแค้นได้เช่นนี้?
นางไม่เคยส่งเสียงละเมอออกมา มักจะกัดฟันแน่น บางครั้งกัดจนเลือดไหลออกมาด้วยซ้ำ แต่นางกลับหยุดอาการสั่นเทาของตัวเองไม่ได้ หยุดอาการเกร็งกระตุกของตัวเองไม่ได้ เขามักถูกนางปลุกตื่นขึ้นมาเพราะเหตุนี้เสมอ
ด้วยทนเห็นนางเป็นเช่นนี้ทุกคืนไม่ได้เขาจึงวางยา ทำให้นางออกห่างจากฝันร้ายเหล่านั้น อย่างน้อยก็ได้พักผ่อนสักนิด
เขานั่งรถคันเดียวกับนางและนอนเตียงเดียวกับนาง จึงบ่มเพาะจนกลายเป็นความเคยชินโดยไม่รู้ตัว มักจะตื่นขึ้นมาเวลานี้ ตื่นมาช่วยนางสงบจิตใจ
ซ่งอิ้งเทียนกุมมือเล็กขาวซีดของนางเบาๆ คิดถึงรวงข้าวสีทองในฤดูเก็บเกี่ยว คิดถึงดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิและต้นหลิว คิดถึงถังหูลู่* ที่อาจารย์ปู่มอบให้เขา คิดถึงมือของท่านพ่อที่จับมือเขา สอนเขาว่าต้องฝังเข็มและถอนเข็มอย่างไร คิดถึงท่านแม่ที่ร้องเพลงกล่อมเขาอยู่ข้างเตียง
หัวคิ้วของนางคลายออกมากกว่าเดิม คลายออกช้าๆ ในที่สุดก็ไม่อัปลักษณ์เหมือนผักดองตากแห้งอีก
ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมา หัวคิ้วนางก็มุ่นเข้าด้วยกันน้อยๆ ทำให้เขายกมุมปากขึ้น
เฮ้อ ช่างน่ารักเสียจริง เขาคิด
ใบหน้านางฉายแววกระอักกระอ่วนและขุ่นเคือง ทำให้เขายิ้มอีก
นี่เป็นความฝัน เจ้ายังจะโมโหข้าอีกหรือ