ถุงพกใบนี้ไม่ได้เป็นทรงรี ทรงสี่เหลี่ยม หรือทรงน้ำเต้าตามแบบทั่วไป กลับเย็บออกมาเป็นทรงแมวกวักกลมๆ ดูแล้วน่ารักน่าชังอย่างมาก
สวีเมี่ยวหนิงชอบมากอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มบนใบหน้าดูสดใสจริงใจมากกว่าตอนเรียกนางว่า ‘พี่สาว’ เมื่อครู่นี้มากนัก
“พี่สาว นี่เป็นแมวอะไรกัน มีอยู่ที่ใดหรือ ข้าจะให้ท่านแม่ไปซื้อมาให้ข้าเลี้ยงสักตัว”
เจี่ยนเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง ในใจคิดว่า ถึงอยากเลี้ยงก็คงเป็นไปไม่ได้ ทว่าหากมีโอกาสได้รู้จักช่างหลอมเครื่องเคลือบ อาจให้พวกเขาหลอมตัวหนึ่งออกมาให้เจ้าเล่นได้
นางได้แต่เอ่ยอธิบายว่า “แมวกวักตัวนี้เป็นแมวที่ข้าเย็บออกมาเพื่อผ่อนคลายยามเบื่อหน่าย ในความเป็นจริงไม่ได้มีแมวเช่นนี้” ทั้งยังพูดกับสวีเมี่ยวหนิงต่อว่า “ดูสิ แมวกวักยกขาหน้าขวาขึ้นหมายถึงกวักเรียกเงินทอง ยกขาหน้าซ้ายขึ้นคือกวักเรียกความสุข เมื่อยกทั้งสองขาขึ้นมาก็คือกวักเรียกทั้งเงินทองและความสุข กระดิ่งทองคำที่ห้อยไว้ตรงหน้าอกมันก็มีไว้เพื่อกวักเรียกเงินทองและความสุขเหมือนกัน”
หลังได้ยินเช่นนั้นสวีเมี่ยวหนิงก็ยิ่งดีใจมากขึ้นกว่าเดิม
“พี่สาว” สวีเมี่ยวหนิงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ายินดี “ถุงพกที่พี่สาวเย็บดูดีกว่าถุงพกที่พี่เซวียนเย็บมากนัก! พี่เซวียนเย็บแต่พวกดอกไม้เอยผีเสื้อเอย ไม่เคยเย็บแมวกวักอะไรเช่นนี้มาก่อน” ก่อนนางจะชะงักไปแล้วเอ่ยต่อ “อีกอย่างของทุกอย่างที่พี่เซวียนทำมาก็มีแต่มอบให้น้องหญิงสี่ ไม่เคยให้ข้า ฮึ! ไว้วันพรุ่งนี้ข้าจะเอาแมวกวักตัวนี้ไปให้น้องหญิงสี่ดู บอกให้นางรู้ว่าข้าไม่เสียดายของที่พี่เซวียนเย็บปักเหล่านั้นหรอก!”
เจี่ยนเหยียนได้ยินก็รู้สึกขบขัน ที่แท้ก็เป็นการโอ้อวดกันระหว่างเด็กหญิงนี่เอง
สวีเมี่ยวหนิงชื่นชอบถุงพกทั้งสองใบมาก จึงตัดสินใจห้อยทั้งสองใบเอาไว้ที่เอวอย่างไม่สนใจอะไร และดูเหมือนภายหลังจะรู้สึกว่าอยู่ดีๆ รับถุงพกของเจี่ยนเหยียนเอาไว้สองใบพร้อมกันดูไม่ค่อยเหมาะสม จึงแกว่งมือนางไปมาพลางถาม “พี่สาว ตอนนี้ท่านยุ่งหรือไม่ หากไม่ยุ่งข้าจะพาท่านไปเดินเล่นภายในสวนเจ้าค่ะ” แม้สวีเมี่ยวหนิงจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสอบถาม ทว่ากลับจูงมือเจี่ยนเหยียนเดินออกไปข้างนอกแล้ว
เจี่ยนเหยียนไร้ทางเลือก อีกทั้งนางรู้สึกว่าการได้ออกไปเดินเล่นก็ไม่เลวเช่นกัน ประการแรกจะได้เดินชมสวนดอกไม้ด้านหลังของจวนสกุลสวี ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมล่วงหน้า ประการที่สองยังหาโอกาสหลอกถามสวีเมี่ยวหนิงเพื่อจะได้รับรู้ความสัมพันธ์ของคนในสกุลสวีด้วย ต้องรู้ว่าความสัมพันธ์ของคนในตระกูลใหญ่นั้นซับซ้อนมาก ไม่ทันระวังเพียงนิดก็อาจยุ่งยากได้
ดังนั้นนางจึงปล่อยให้สวีเมี่ยวหนิงดึงตนเองเดินออกไปนอกเรือน ระหว่างนั้นก็หันหน้ากลับไปสั่งไป๋เวยว่า “เจ้ารออยู่ที่นี่ จัดเก็บข้าวของที่พวกเรานำมาให้เรียบร้อย ส่วนซื่อเยวี่ย เจ้าตามข้ากับคุณหนูญาติผู้น้องออกไปเดินเล่น”
หลังออกมาจากประตูเรือนเล็กสวีเมี่ยวหนิงก็ชี้ไปข้างหน้าพร้อมเอ่ย “พี่สาว ทางด้านนั้นก็คือเรือนแยกทิศตะวันตกที่ข้าพักอยู่ หากท่านไม่มีอะไรทำก็ไปหาข้าได้นะเจ้าคะ”
เมื่อมองผ่านต้นไม้ดอกไม้อันอุดมสมบูรณ์ในลานเรือนไป ก็พอจะมองเห็นประตูเรือนสองบานพับที่เหมือนทางเรือนนางไม่ผิดเพี้ยนได้
เจี่ยนเหยียนยิ้มรับปาก
สวีเมี่ยวหนิงดีใจมาก แล้วก็จูงมือนางเดินไปตามระเบียงทางเดินต่อ เพียงไม่นานก็ออกมาจากประตูใหญ่ของเรือนเหอเซียง เมื่อเดินไปทางขวาอีกไม่ไกลก็ได้เห็นสระน้ำขนาดใหญ่