ห้าวันต่อมา
พิธีกรรมทางศาสนาของอารามเป่าหวาจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ปีละหนึ่งครั้ง เจ้าอาวาสหยวนเต๋อต้าซือ* จึงออกมาแสดงธรรมที่ลานหน้าพระอุโบสถด้วยตนเองในช่วงก่อนเที่ยง ครั้งละหนึ่งชั่วยามต่อเนื่องกันเป็นเวลาสามวัน
ว่ากันว่าหยวนเต๋อต้าซือถือกำเนิดมาพร้อมกับความเป็นภิกษุ เพียงอายุห้าขวบก็ได้รับสมญาทางธรรมจากอาจารย์ และเข้าพิธีปลงผมอย่างเป็นทางการ เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงแรกรุ่นก็เดินทางจาริกแสวงบุญไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎก ถอดความพระคัมภีร์หลายครั้ง และมีใจฝักใฝ่ศึกษาพุทธศาสนา ทำให้ท่านกลายมาเป็นยอดภิกษุของพุทธศาสนา
มาวันนี้หยวนเต๋อต้าซืออายุมากแล้ว แม้ท่านจะยังดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่กิจธุระต่างๆ ในวัดล้วนอยู่ในมือของลูกศิษย์ การแสดงธรรมตลอดสามวันนี้จะเป็นการออกงานครั้งสุดท้ายของท่าน เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป เหล่าผู้มีจิตศรัทธามีหรือจะยอมพลาด ทันทีที่ฟ้าสว่าง เส้นทางภูเขาที่นำมายังอารามเป่าหวาก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คน หากต้องการสอบสวนอารามเป่าหวาซึ่งถือเป็นอารามหลวง และแตะต้องหยวนเต๋อต้าซือผู้เป็นอรหันต์ในสายตาของชาวบ้าน รวมถึงศิษย์ชั้นเอกของวัด มู่ไคเวยจำเป็นต้องใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว เพื่อลงมือให้สำเร็จภายในครั้งเดียว เพราะหากต้องล่วงเกินกันก็ต้องล่วงเกินให้ถึงที่สุด
เสียงระฆังยามเช้าดังเหง่งหง่างสะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา
การเสด็จของไทเฮามีองครักษ์และข้าหลวงช่วยเปิดทางมาที่อาราเป่าหวาอย่างเอิกเกริก หลังมีพระเสาวนีย์ก็มีพระบัญชาห้ามราษฎรคุกเข่ารับเสด็จ รับสั่งว่าวันนี้ทุกคนล้วนต้องการมาสักการะพระเหมือนกัน จึงควรคุกเข่าไหว้พระโพธิสัตว์และพระพุทธยามขึ้นเขาเข้าวัดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทำความเคารพผู้อื่นอีก
หยวนเต๋อต้าซือนำศิษย์ออกมารับเสด็จไทเฮาเข้าไปในห้องแสดงธรรมด้วยตนเอง หลังจบพิธีสักการะที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และการแสดงธรรมที่ราษฎรทุกคนรอคอยแล้ว ก็มีการแสดงธรรมเป็นการส่วนพระองค์แด่บุคคลสำคัญในห้องแสดงธรรมต่อ…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคคลสำคัญที่กล่าวมานี้มิใช่ข้าหลวงและนางกำนัลที่ติดตามอยู่ข้างกายไทเฮา แต่เป็นคังอ๋องที่ตามเสด็จมาไหว้พระด้วย
คังอ๋องฟู่จิ่นซี อายุยี่สิบห้าปี เป็นหลานชายของฮ่องเต้ซิงอวี้ และไทเฮาผู้ทรงเกียรติที่สุดนี้ก็คือเสด็จย่าของเขา
แม้ชาติกำเนิดของคังอ๋องจะสูงส่ง ทว่าเขากลับกำพร้ามาตั้งแต่ยังเล็ก
ว่ากันว่าตอนคังอ๋ององค์ก่อนกับพระชายาพาบุตรชายโทนอายุแปดขวบที่ป่วยเป็นโรคประหลาดไปหาหมอรักษายังต่างถิ่น ระหว่างทางก็เจอโจรสลัดที่ซานชวนโข่วโจมตีเพื่อชิงทรัพย์ ทำให้เรือล่มลงกลางแม่น้ำอันเชี่ยวกรากที่มีหินแหลมคม เป็นเหตุทำให้คังอ๋ององค์ก่อนกับพระชายาเสียชีวิตอยู่ที่ก้นแม่น้ำ
เมื่อข่าวนี้ถูกส่งกลับมาที่เมืองหลวง ฮ่องเต้ซิงอวี้กับไทเฮาทั้งโกรธและเสียใจ จนทำให้ขุนนางท้องที่ทั้งบุ๋นและบู๊ในซานชวนโข่วต้องเร่งกระจายกำลังลงพื้นที่ และส่วนกลางต้องส่งกำลังทหารไปปราบปรามรังโจรสลัดให้สิ้นซาก
ขณะนั้นพวกเขาที่ยังหาตัวฟู่จิ่นซีผู้เป็นบุตรของคังอ๋องไม่พบก็ทำให้คิดไปว่าเขามีลางร้ายมากกว่าดี ซื่อจื่อ*อายุแปดขวบหายสาบสูญไปเกือบหนึ่งปีเต็มก่อนจะกลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง พร้อมบ่าวผู้ซื่อสัตย์วัยฉกรรจ์อายุเลยสี่สิบปี กับสตรีอาวุโสหนึ่งคน
วันนี้หยวนเต๋อต้าซือได้พบกับคังอ๋องผู้ประสบภัยแต่เอาชีวิตรอดมาได้เป็นครั้งแรก หลังสนทนากันได้สักพัก เขาก็รู้สึกคับแค้นใจที่พบอีกฝ่ายช้าเกินไป