สรุปคือการแต่งงานของคังอ๋องทำให้บางคนอกสั่นขวัญแขวน บางคนคอยดูเรื่องสนุก บางคนเปิดรับเดิมพัน และทุกคนต่างตั้งตารอวันมงคลที่โหรหลวงเลือกเอาไว้
แม้การเดิมพันจะสิ้นสุดเมื่อคู่บ่าวสาวกราบไหว้ฟ้าดินและถูกส่งตัวเข้าห้องหอเรียบร้อย แต่ก็ยังมีคนมารอดูความครึกครื้นเป็นจำนวนมาก วันแรกของฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยความเป็นมงคลเช่นนี้ ใต้เท้าแห่งกลุ่มสี่ปักษีไม่ได้สวมชุดสีดำของขุนนาง แต่สวมชุดแต่งงานสีแดงสดปักดิ้นทองกับมงกุฎหงส์พร้อมผ้าปิดหน้า ให้แม่สื่อประคองมาคุกเข่าขอบพระคุณและอำลาบิดาที่หน้าประตู
แม้จะมองไม่เห็นหน้าเจ้าสาวแต่ดูจากรูปร่างประเปรียวกับจังหวะก้าวย่างหนักแน่นมั่นคงก็ยืนยันได้ว่าไม่ผิดตัว
ด้วยเหตุนี้จึงพอจะรู้ได้แล้วว่าผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะเพราะผลมันฟ้องชัด อสุรากัดกินภูตผีเป็นอาหาร และอสุราหน้าหยกแห่งเมืองหลวงของสกุลมู่ก็มีบรรยากาศน่าสะพรึง ให้ความรู้สึกว่าเป็นเผด็จการ พอจะฝืนสยบดาวปีศาจนำเคราะห์ของคังอ๋องได้
ก่อนหน้านี้มีเสียงเล่าลือกันไปทั่วว่าที่ไทเฮาทรงสนพระทัยแม่นางมู่ผู้องอาจกล้าหาญ เพราะเล็งเห็นความสามารถในการกำราบปีศาจคืนความร่มเย็นเป็นสุขของนาง
ราชสำนักให้ความสำคัญแก่สกุลมู่มาก แม้จะเตรียมพิธีแต่งงานกันอย่างกระชั้นชิด แต่รายการสินสอดพระราชทานกลับมีจำนวนหลายแผ่น และรายชื่อข้าวของที่อยู่ในนั้นก็มีจำนวนมากมายจนทำให้ผู้คนหน้ามืดตาลาย
นอกจากนี้ ขั้นตอนสำคัญของการแต่งงานสำหรับชาวเมืองหลวงคือพิธีรับตัวเจ้าสาว
ซึ่งก็ไม่มีใครผิดหวัง เพราะคังอ๋องที่ป่วยกระเสาะกระแสะมาโดยตลอดนำขบวนไปรับเจ้าสาวด้วยตัวเองทำให้จวนสกุลมู่ถูกกองทหารโอบล้อมจนผู้คนไม่อาจเข้าไปมุงดู ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกชอบป่วนที่อยากเข้าไปใกล้ๆ
ว่ากันว่าท่านอ๋องหม้อต้มยาแห่งเมืองหลวงมีรูปโฉมงามสง่า ยิ่งวันนี้เขานั่งอยู่บนหลังอาชาตัวงาม อวดโฉมทรงเสน่ห์ให้ราษฎรได้ชื่นชมกันอย่างเปิดเผย เพื่อมารับเจ้าสาวในวันนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกชื่นมื่นกันอย่างมาก
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่าคังอ๋องคนนี้เป็นบุรุษรูปงามเหมือนสตรี
แสงตะวันยามเช้าในวันมงคลสาดจับใบหน้าและร่างกายของคังอ๋อง ทำให้ละม้ายแตะแต้มด้วยผงทองตลอดร่าง เนตรหงส์ยิบหยีเพราะแสงจ้า จนต้องกะพริบปริบๆ อยู่หลายครั้ง สันจมูกโด่งตรงได้รูปสวยเป็นเงา สะท้อนแสงสว่างไสวยิ่งกว่าผงทอง หน้าผากและผิวแก้มขาวใส ริมฝีปากสีซีด โครงหน้าชัด แม้สีหน้าจะไม่ค่อยสดใสแต่กลับดูมีเสน่ห์อย่างยากที่จะบรรยาย
กลับมาพูดถึงมู่ไคเวยกันบ้าง