“พระมาตุจฉากล่าวตกไปแล้ว ก่อนหน้าจะเส้นผมหงอกขาวต้องรีบมีอภิชาตบุตรก่อนสิ”
“ใช่ๆ จริงด้วย มีอภิชาตบุตรไวๆ ด้วยนะ ขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ครอบครัวพร้อมหน้านับร้อยปี”
บรรดาแขกสตรีที่ตามเข้ามาป่วนห้องหอล้วนมีที่มาไม่ธรรมดาทั้งสิ้น เพียงมู่ไคเวยผู้รอบรู้เรื่องเมืองหลวงประดุจฝ่ามือของตนกวาดตามองปราดเดียวก็จำได้ว่าแขกสตรีจำนวนกว่าครึ่งของกลุ่มคนทั้งหมดสิบสามสิบสี่คนนี้เป็นชายาเอกของเหล่าราชนิกุล ที่เหลือต่างก็เป็นถึงฮูหยินหรือธิดาของขุนนางระดับกั๋วกง ท่านโหวไปจนถึงขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งในราชสำนักทั้งสิ้น
ระหว่างที่พวกแขกสตรีช่วยกันสร้างความครึกครื้นให้แก่ห้องหอ ที่ห้องโถงเล็กของเรือนหลักซึ่งอยู่ด้านนอกก็มีแขกบุรุษมากันอีกหลายคน
มู่ไคเวยได้ยินเสียงพูดคุยจากด้านนอกที่เดี๋ยวดังเดี๋ยวค่อยได้อย่างถนัด น่าจะเป็นผู้ดูแลจวนที่กำลังพยายามใช้คารมขัดขวางไม่ให้พวกเขาเข้ามาก่อกวน
แม้งานแต่งงานของคังอ๋องจะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เพราะฮ่องเต้กับไทเฮาต่างคอยจับตาดู เหล่าราชนิกุลจึงต้องให้ความสำคัญ
เพียงแต่คำว่า ‘ให้ความสำคัญ’ นี้มีทั้งด้านดีและด้านร้าย ด้านดีคือผู้มาร่วมงานนำของขวัญมาอวยพรและดื่มสุรามงคลหนึ่งจอกด้วยความจริงใจ ด้านร้ายคือบางคนที่แอบคิดริษยาว่าพวกเขาต่างเป็นราชนิกุลเหมือนกัน แต่เหตุใดคังอ๋องจึงเป็นแก้วตาดวงใจของไทเฮา ชนิดที่จะวางไว้ในมือก็กลัวแตก จะอมไว้ในปากก็กลัวละลาย หาไม่แล้วไทเฮาจะเอาของดีในท้องพระคลังส่วนพระองค์มามอบเป็นของขวัญให้แก่จวนคังอ๋องเช่นนี้หรือ
มู่ไคเวยคอยจับสังเกตการเคลื่อนไหวข้างนอกอย่างเงียบๆ และในระหว่างนั้น นางได้ยินฟู่จิ่นซีถามเจ้าพิธีว่า
“ต่อไปต้องทำอะไรอีก”
“บ่าวสาวเข้าไปในม่านแล้วโปรยพุทรา ถั่วลิสง ผลกุ้ยและเม็ดบัว จากนั้นให้เจ้าสาวนั่งบนเตียง ห้ามพูดคุย หัวเราะ และเดินเพ่นพ่าน ให้สมดังคำว่า ‘นั่งเหย้าเฝ้าเรือน รับทรัพย์ปลูกลาภ’ ส่วนท่านอ๋องให้ออกไปรับรองแขกจนเลยยามโหย่ว* แล้วค่อยกลับมา เสร็จแล้วให้บ่าวสาวคล้องแขนดื่มสุรามงคลก็เป็นอันเสร็จสิ้น”
“เช่นนั้นหรือ” ฟู่จิ่นซียิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยน “ข้าขอไม่ออกไปที่โถงหน้า อยู่แต่ในห้องหอได้หรือไม่”
เจ้าพิธีที่ถูกถามชะงัก “…ก็ มิใช่ไม่ได้ เพียงแต่…แต่ว่า…”
เจ้าพิธียังไม่ทันได้พูดว่า “มันไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม” ท่านอ๋องหม้อต้มยาผู้มีใบหน้าไร้สีเลือดก็ชิงพูดเสียงเนิบ
“วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า ฮ่องเต้จึงทรงส่งราชองครักษ์จำนวนหนึ่งหน่วย กับหมอหลวงอีกสองคนมาช่วยรับเจ้าสาวโดยเฉพาะ เพราะทรงกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า และไทเฮาก็ทรงกำชับว่าไม่ให้ข้าฝืนตัวเองเกินไป เช่นนี้ ข้าย่อมต้องรับสนองพระเสาวนีย์ด้วยการไม่ฝืนตัวเองออกไปต้อนรับแขก หรือท่านเจ้าพิธีคิดเห็นเป็นประการใด”