ถ้าจะใช้คำพูดของจ้าวเสี่ยวเป่ยแล้ว แม่ทัพของเขาเป็นพวกหน้าตายถึงขั้นที่ตอนกินข้าวก็ยังทำสีหน้าไร้ความรู้สึก ดังนั้นอาหารเหล่านี้จะมีรสเค็มหรือจืด อร่อยล้ำหรือย่ำแย่ ล้วนไม่อาจคาดเดาจากสีหน้าของเขาได้
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าถึงแม้เจิ้งปั๋วจะทำอาหารรสเค็มจัดสักเพียงใด แต่คนในจวนอ๋องก็ไม่กล้าปริปากบ่นแม้เพียงครึ่งประโยค
เมื่อใดท่านแม่ทัพกินอาหารที่เจิ้งปั๋วทำ ก็ไม่เคยแสดงสีหน้าเหลือจะกินออกมาให้ใครเห็นสักครั้ง แล้วพวกเขามีหรือจะกล้าบ่น
มีเพียงจ้าวเสี่ยวเป่ยที่รู้ว่าหลังจั่วหลิงกินอาหารของเจิ้งปั๋วแล้วถึงกับต้องดื่มน้ำอั่กๆ จากนั้นยังสั่งให้เขาออกไปซื้อขนมรสชาติหวานๆ มาให้อีกด้วย
ใช่แล้ว จั่วหลิงที่ผู้คนเอาไปเล่าลือกันว่าชอบทำหน้าเย็นชา ใจคอโหดเหี้ยม ยิงธนูมิเคยพลาดเป้า ฝ่ายเหล่าศัตรูเพียงได้ยินนามเรียกขานก็พากันครั่นคร้าม แท้จริงแล้วกลับเป็นผู้ชื่นชอบอาหารรสชาติหวานผู้หนึ่ง
จ้าวเสี่ยวเป่ยกินอาหารอย่างกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข
ด้านหนึ่งเขากินไป อีกด้านยังต้องคอยสังเกตพวกเนี่ยชิงหลวนกับบ่าวและจั่วหลิงไปพร้อมๆ กัน
ตอนนี้เองก็เห็นเด็กรับใช้ยกอาหารไปให้พวกนาง เหมือนว่าจะเป็นเนื้อวัวตุ๋น เนื้อแพะผัดต้นหอม และน้ำแกงเนื้อแพะใส่แป้งย่าง
แป้งทอดห่อไส้เนื้อวัวนั้นต้องนวดแป้ง ทั้งยังต้องนำไปปิ้งบนเตา วิธีการปรุงซับซ้อนหลายขั้นตอน ส่วนซี่โครงแพะย่างยิ่งยุ่งยากกว่า ดังนั้นกับข้าวสองอย่างนี้กว่าจะยกมาขึ้นโต๊ะคงต้องเป็นอาหารจานหลักในชุดสุดท้ายแน่
เนี่ยชิงหลวนกับผีผาสองนายบ่าวหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินแล้วเช่นกัน
อืม ท่าทางการกินของทั้งสองคนก็มิได้สุภาพเรียบร้อยสักเท่าใด หรือว่าหญิงสาวในเมืองหลวงก็ล้วนเป็นเช่นนี้
จ้าวเสี่ยวเป่ยกำลังแอบวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในใจ ทันใดนั้นก็เหลือบเห็นคนเดินเข้ามาทางประตูโรงเตี๊ยมจากหางตา
อันที่จริงไม่มีทางที่จะไม่สังเกตเห็น เพราะทั้งสองแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบพลทหาร
จ้าวเสี่ยวเป่ยเองก็ค่อยๆ ไต่เต้าจากตำแหน่งพลทหารขึ้นมาจนได้เป็นผู้บัญชาการทหารม้า ดังนั้นจึงใส่ใจต่อพวกพลทหารมากเป็นพิเศษ
เห็นพลทหารทั้งสองกวาดตามองไปรอบๆ โถงใหญ่ชั้นล่าง แล้วจู่ๆ ชายร่างท้วมในสองคนนั้นก็เอาศอกสะกิดเพื่อน ทำทีพยักพเยิดให้เขาหันไปมองเนี่ยชิงหลวน
ตอนนี้เองจ้าวเสี่ยวเป่ยใจเต้นตึกๆ มีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่
ในค่ายทหารล้วนมีแต่ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ขันแข็ง ทุกวันเลือดลมพลุ่งพล่านแต่ไร้หนทางปลดปล่อย หากไม่หาทางปลดปล่อยด้วยตนเองก็ต้องไปปลดปล่อยกับพวกเดียวกัน แต่ทำเช่นนี้บ่อยๆ ก็รู้สึกซ้ำซากน่าเบื่อ ดังนั้นจึงมีพลทหารส่วนหนึ่งที่ใช้เวลาผลัดเวรออกมาพักผ่อน เดินเที่ยวเตร่อยู่ข้างนอก