ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 10-บทที่ 12
ตอนเที่ยงวันนั้นหลี่มามาทุ่มเทแรงใจทำไก่ตุ๋นโสมพุทราจีนให้หลิ่วเหมียนถังกินเป็นกรณีพิเศษ
หลิ่วเหมียนถังมองลูกเจี๊ยบสามตัวที่ตุ๋นจนเปื่อยอยู่ในหม้อดิน กลิ่นหอยลอยโชยเข้าจมูก
หลี่มามาเปิดฝาพลางเอ่ย “ช่วงนี้ฮูหยินเจออากาศหนาว คงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ในน้ำแกงจึงเติมพุทราแดง โก่วฉี่* และโสมคนลงไป สามารถบำรุงร่างกาย ขับไล่ไอหนาวได้…”
แต่หลิ่วเหมียนถังไม่รอให้นางพูดจบก็เอ่ยอย่างปวดใจ “วัตถุดิบที่ดีเพียงนี้ต้องรอให้สามีกลับมาค่อยทำสิ! ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเหมือนครั้งก่อน สิ้นเปลืองเนื้อไปแต่ไม่เห็นเขากลับมา!”
หลี่มามาหน้าตึงเอ่ย “บุรุษไม่จำเป็นต้องบำรุงเช่นนี้เสียหน่อย ถึงอย่างไรสกุลชุยก็เป็นคหบดี ฮูหยินไม่จำเป็นต้องประหยัดเกินไป”
โบราณว่าไว้เขื่อนยาวพันลี้** พังทลายเพราะรังมด*** ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว ตอนนี้หลิ่วเหมียนถังนับว่ามองออกแล้ว…การตกอับของสกุลชุย นอกจากเจ้านายไม่ถนัดดูแลกิจการ บ่าวรับใช้ไม่รู้จักมัธยัสถ์เองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างมาก
แต่หลี่มามาเองก็ปรารถนาดี ดังนั้นแม้หลิ่วเหมียนถังมองรากโสมต้นใหญ่แล้วจะปวดใจอย่างมากก็ไม่อาจตำหนิมากมาย ได้แต่กำชับว่าวันหน้าเวลาหลี่มามาใช้สมุนไพรราคาแพงเช่นนี้มาทำอาหารจะต้องบอกนางก่อน ทั้งยังต้องทำตอนที่สามีอยู่บ้านด้วย
พูดจนสีหน้าหลี่มามาดำคล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ ตักน้ำแกงให้นางเงียบๆ ด้วยสีหน้ามึนตึง จากนั้นวางลงตรงหน้านางแรงๆ พร้อมเอ่ย “ฮูหยินพูดถูกแล้ว วันนี้บ่าวยุ่งมากไปเอง!”
หลิ่วเหมียนถังมองแล้วตักน้ำแกงดื่มอึกเล็กๆ เมื่อน้ำแกงอุ่นร้อนไหลลงท้องก็อุ่นซ่านไปทั่วร่างกายทันที
นางช้อนสายตาซึ้งใจมองหลี่มามาที่ยังคงมีสีหน้าโมโหก่อนเอ่ย “มามาอย่ารังเกียจที่ข้าบ่นจู้จี้ไปเลย เพียงแต่เงินทองในบ้านตอนนี้มีอยู่ไม่มาก รอเปิดร้านมีรายได้เข้ามาเมื่อใด ทุกคนในบ้านก็สามารถกินเนื้อทุกวันได้แล้ว…ถึงเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงข้าเลย แม้แต่มามาก็จะได้ดื่มน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมทุกวันด้วยซ้ำ มามาไม่เคยทอดทิ้งสกุลชุยไปที่ใด ข้าต้องขอบคุณมามาแทนสามีด้วย”
หลี่มามาได้ยินประโยคนี้ก็ทำหน้ามึนตึงต่อไปไม่ไหว เพียงถอนหายใจเบาๆ หยิบตะเกียบยาวขึ้นมาฉีกเนื้อไก่ออก แล้วคีบน่องชิ้นเล็กใส่ลงไปในถ้วยของหลิ่วเหมียนถัง
นางไม่รู้ว่าวันหน้าท่านอ๋องจะจัดการกับหญิงสาวผู้นี้เช่นไร แต่วันเวลาที่จะได้มีเนื้อกินเช่นนี้อาจเหลืออยู่ไม่มากแล้ว นางพูดไม่เก่ง สั่นคลอนความคิดของท่านอ๋องไม่ได้ เพียงแต่ด้วยความเห็นใจจึงทำอาหารจานเนื้อให้หญิงสาวน่าสงสารผู้นี้กินมากขึ้นหน่อย…
วันที่เปิดร้านภายใต้การเลือกสรรอย่างตั้งใจของหลิ่วเหมียนถังก็ได้กำหนดวันมงคลไว้เป็นช่วงกลางเดือน ประทัดสีแดงเพลิงยาวสองสายถูกแขวนไว้บนประตู มีป้ายร้าน ‘ร้านเครื่องเคลือบอวี้เซา’ ที่สั่งทำใหม่แขวนอยู่ ใช้ผ้าสีแดงผืนหนึ่งปิดเอาไว้ก่อน
แม้สกุลชุยจะไม่มีญาติสนิทมิตรสหายอยู่ที่นี่ แต่เพื่อให้บรรยากาศดูครึกครื้น หลิ่วเหมียนถังยังคงเชิญพวกเพื่อนบ้านมาเป็นแขกเหรื่อให้
มาถึงตอนนี้คนในตำบลถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วซื้อร้านทั้งสองไว้ก็คือสกุลชุยที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่บนถนนสายเหนือ
มีพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสืบราคาที่ชุยฮูหยินซื้อร้านค้าทั้งสองมา ต่างพากันอิจฉาจนพูดไม่ออก ลอบทอดถอนใจถึงความเฉลียวฉลาดของชุยฮูหยิน
มองดูการตกแต่งใหม่ภายในร้าน เครื่องเคลือบดินเผาเงาวับ บวกกับที่ชุยฮูหยินจัดการทุกอย่างอย่างคล่องแคล่วฉับไว บรรดาหญิงออกเรือนที่ชอบเกาะกลุ่มนินทาเหล่านั้นกลับไม่รู้สึกว่าภรรยาพ่อค้าที่ฉลาดเฉลียวผู้นี้เป็นอนุของขุนนางสักคนแล้ว
แม้ชุยฮูหยินจะงดงามเกินไปบ้าง แต่ก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานหาเลี้ยงปากท้องจริงๆ
หากเป็นพวกหญิงนางโลมขายรอยยิ้ม แต่ละคนล้วนใช้ชีวิตสุขสบายมาจนเคยชิน แล้วก็ใช้เงินกันจนเคยตัว มือเติบฟุ่มเฟือย ทำตัวโอ้อวดต่อหน้าผู้คนทั้งนั้น ไฉนเลยจะทนความลำบากอย่างการทำการค้าได้
ในยามนั้นบรรดาเพื่อนบ้านต่างเอ่ยอวยพรกันจากใจจริง ขอให้กิจการของชุยฮูหยินเจริญรุ่งเรือง
แต่ในวันเปิดร้านเช่นนี้ทุกคนกลับไม่เห็นเถ้าแก่ร้านปรากฏตัวเสียที ได้ยินชุยฮูหยินบอกว่าสามีไปกราบไหว้อาจารย์หมากล้อมชื่อดังคนหนึ่งเป็นอาจารย์ การเรียนสำคัญ ไม่อาจลงจากภูเขามาได้
ทันใดนั้นทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันควัน ที่แท้ก็เป็นบุปผางามบนโคลนเหลวที่ก่อเป็นกำแพงไม่ได้*!
ที่แท้สามีสกุลชุยผู้นี้ก็เป็นคุณชายเสเพลผู้หนึ่ง เถ้าแก่ร้านที่ปัดความรับผิดชอบตัวจริง! เอาแต่ปล่อยให้หญิงงามเพียงนี้ออกมาเปิดเผยใบหน้าดูแลกิจการ แต่เขากลับศึกษาพิณ หมาก คัดอักษร วาดภาพ ตีไก่ เล่าเรียนพวกเรื่องที่ล้วนทำเงินไม่ได้…
น่าเสียดาย น่าเสียดายนัก! โฉมงามมีความสามารถปานนี้กลับฝากฝังชีวิตไว้กับคนที่ไม่เหมาะสม แต่งให้กับสามีที่ไม่ได้ความเช่นนี้!
นอกจากอารามทอดถอนใจ ยังมีพวกที่เห็นรูปโฉมงดงามของชุยฮูหยินแล้วเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา ในเมื่อสามีของชุยฮูหยินไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าเรือนหอนั้นว่างเปล่าหรือไม่ รอยามวิกาลจะต้องแวะเวียนไปดูที่ประตูหลังบ้านชุยฮูหยินสักหน่อยแล้วว่าได้แง้มช่องไว้ให้คนมุดเข้าไปหรือไม่…
ช่วงเวลานั้นความคิดของผู้คนทั้งในและนอกร้านแตกต่างหลากหลาย รอเสียงประทัดห้าสายดังขึ้น หมายถึงความสุขทั้งห้ามาเยือน ผ้าสีแดงก็ปลดลงท่ามกลางเสียงตีฆ้อง ร้านค้าสกุลชุยเปิดกิจการอย่างเป็นทางการในตำบลหลิงเฉวียนแล้ว
แต่การเปิดร้านทำการค้าไม่ง่ายดายเหมือนกับการเปิดผ้าสีแดงออกเท่านั้น
ร้านเครื่องเคลือบดินเผาภายในตำบลมีอยู่มากมาย การแข่งขันนับได้ว่าดุเดือด ร้านเก่าแก่ที่ยืนได้มั่นคงเหล่านั้นต่างคุ้นเคยกันและมีลูกค้าประจำ ขอเพียงมีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ย่อมไม่มีปัญหาเรื่องเส้นทางทำการค้าอีก ถึงขั้นมีหลายร้านที่เปิดโรงเตาเผาขึ้นเอง ผลิตเองขายเอง ประหยัดขั้นตอนไปได้มาก
แต่ร้านเครื่องเคลือบอวี้เซาเป็นร้านใหม่ บวกกับไม่ใช่คนท้องถิ่นจึงไม่ได้มีลูกค้าเก่าแต่อย่างใด บุ่มบ่ามเปิดร้านเช่นนี้ย่อมสิ้นเปลืองเงินอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังร้านใหม่คึกคักอยู่หนึ่งวันถ้วน หลายวันติดต่อกันจากนั้นล้วนเงียบกริบ ไม่มีลูกค้าเข้ามาในร้านสักคน
* ชวนเป่ย คือพื้นที่ทางตอนเหนือของที่ราบลุ่มซื่อชวน ปัจจุบันคือเมืองก่วงหยวน เมืองปาจง และเมืองหนานชง
* ฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึงเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ถีบหัวส่ง ลืมบุญคุณของผู้ที่เคยออกแรงเพื่อตน เฉกเช่นการฆ่าลาทั้งที่มันเพิ่งจะช่วยโม่แป้งเสร็จ
* เกล็ดย้อน คือเกล็ดบริเวณใต้คอมังกรซึ่งหันไปในทิศตรงข้ามกับเกล็ดทั่วไป เชื่อกันว่าหากผู้ใดแตะต้องจะทำให้มังกรโกรธเกรี้ยว ภายหลังมักใช้เปรียบเปรยถึงจุดอ่อนหรือขีดจำกัดที่ทำให้ผู้อื่นโมโห
* ม้าสูงโกลนเตี้ย เป็นประโยคเปรียบเทียบ หมายถึงสถานการณ์ที่ยากจะตัดสินใจ ไม่ว่าจะไปต่อหรือถอยหลังกลับล้วนยากทั้งคู่
** ต้นไม้ล้มลิงค่างแตกซ่าน เป็นประโยคเปรียบเทียบ หมายถึงหากผู้มีอำนาจตกอับ คนที่พึ่งพาอาศัยเขาเองก็จะกระจัดกระจาย
* ซีอวี้ (แดนตะวันตก) คือดินแดนทางตะวันตกของด่านอวี้เหมินและด่านหยางกวนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ปัจจุบันคือบริเวณเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางใต้ของเทือกเขาเทียนซาน (เทียนซานหนานลู่) เรื่อยไปจนถึงทางตะวันตกของที่ราบสูงปามีร์ รวมถึงแถบเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก และอินเดีย
* ในภาษาจีนมีคำว่า ‘โดนสวมหมวกเขียว’ หมายถึงโดนนอกใจ มีที่มาจากนิทานโบราณที่ว่าภรรยาที่ลักลอบคบชู้ผู้หนึ่ง ทุกครั้งที่สามีจะออกไปไหนไกลๆ หลายวันจะให้สามีสวมหมวกสีเขียว เพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกชายชู้ว่าสามีจะไม่อยู่หลายวัน สามารถมาหาได้ ภายหลังหากพูดว่ามีสีเขียวอยู่บนศีรษะ จะมีความหมายในเชิงโดนนอกใจเหมือนกันหมด
* โก่วฉี่ เป็นผลไม้ในกลุ่มเบอรี่หรือที่ภาษาไทยเรียกว่าเก๋ากี้
** ลี้ (หลี่) เป็นหน่วยมาตราวัดของจีน เทียบได้กับระยะทางประมาณ 500 เมตร
*** เขื่อนยาวพันลี้พังทลายเพราะรังมด เป็นสำนวน หมายถึงเรื่องเล็กน้อยที่หากไม่ใส่ใจระมัดระวังก็อาจก่อความเสียหายยิ่งใหญ่
* โคลนเหลวที่ก่อเป็นกำแพงไม่ได้ เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึงคนที่ด้อยความสามารถ ไม่มีความสามารถพอจะประสบความสำเร็จ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.