ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 13-บทที่ 15
บทที่ 13
ทุกวันหลิ่วเหมียนถังนั่งอยู่ในร้าน นอกจากไล่แมลงวันก็เริ่มศึกษาวิธีดีดลูกคิดคำนวณกับนายบัญชี
รอเรียนรู้ได้ผิวเผิน นางก็เริ่มคำนวณค่าใช้จ่ายของบรรดาลูกจ้างด้วยตนเอง
หลังคำนวณบัญชีโดยละเอียดคิ้วเรียวก็ขมวดแน่น
นางรู้สึกว่าวันเวลาที่เผาผลาญเงินไปวันๆ ทว่าไม่มีเงินเข้าเช่นนี้ ไม่อาจเป็นแผนการระยะยาวได้แน่นอน
บางครั้งมีลูกค้าเข้ามาก็มักจะกวาดตามองแวบเดียวแล้วออกไป หลิ่วเหมียนถังเคยเรียกรั้งลูกค้าบางส่วนไว้อย่างเกรงใจ ถามพวกเขาว่ารู้สึกไม่พอใจร้านที่ตรงใด
มีลูกค้าอยู่คนสองคนที่พูดความจริง บอกว่าเครื่องเคลือบดินเผาภายในร้านไม่มีความแปลกใหม่ ต่างเป็นสินค้าทั่วไป ทว่าขายราคาแพงกว่าร้านอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงไปซื้อที่ร้านอื่น ไม่มีความคิดจะซื้อจากร้านของนาง
เมื่อได้ยินคำตอบของลูกค้าหลิ่วเหมียนถังก็กลับไปนอนคิดอยู่หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นก็พาหลี่มามาออกไปสำรวจแหล่งสินค้าของร้านอื่นๆ ดูว่าจะคิดหาวิธีทำให้กิจการเปลี่ยนไปดีขึ้นได้หรือไม่
เครื่องเคลือบดินเผาในตำบลส่วนใหญ่ออกมาจากโรงเตาเผาที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วตำบล พวกเครื่องเคลือบดินเผาที่ถวายขึ้นไปไม่มีทางหมุนเวียนอยู่ในหมู่ชาวบ้านแต่แรก สินค้าที่วิจิตรประณีตหน่อยล้วนส่งให้ร้านค้าเก่าแก่ขายโดยเฉพาะ ร้านทั่วไปอยากมีส่วนร่วมเพียงใดก็ไม่มีสิทธิ์
และถึงแม้เครื่องเคลือบดินเผาที่หยาบกระด้างหน่อยจะราคาถูก แต่ได้กำไรน้อยมาก หากเลือกวิธีขายปริมาณมากกำไรต่อชิ้นน้อย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกพ่อค้าเร่ตั้งแผงขายอยู่ที่ตรอกหน้าบ้านตน เป็นพวกคนที่ไม่อาจจ่ายค่าใช้จ่ายในร้านได้
หลิ่วเหมียนถังเดินสำรวจติดต่อกันหลายวัน ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกหมดความมั่นใจ สงสัยว่าเหตุใดสามีต้องละทิ้งบ้านเมืองเดิมมาทำการค้าที่นี่ด้วย มิหนำซ้ำยังค้าขายเครื่องเคลือบดินเผาที่ไม่มีความโดดเด่นใดๆ อีกต่างหาก เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อไปนานวันเข้าร้านค้าจะต้องขาดทุนเข้าเนื้ออย่างแน่นอน โชคดีที่การซ่อมบำรุงคลองภายในจะทำให้ราคาร้านค้าสูงขึ้น ถึงเวลาอาศัยโอกาสที่ทำเลร้านราคาสูงปล่อยเช่าออกไปก็ยังมีเงินพอให้ใช้ชีวิต
ถึงแม้เงินค่าเช่าจะสู้เงินจากการค้าขายไม่ได้แน่ๆ แต่ถ้ามัธยัสถ์ก็ยังพอใช้ชีวิตอยู่ได้ แต่เกรงว่าจะเลี้ยงดูบ่าวรับใช้ไว้ไม่ไหว
สามีคุ้นชินกับการมีบ่าวรับใช้ข้างกายแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะปรับตัวได้หรือไม่ ส่วนบ่าวหญิงวัยกลางคนในบ้านก็อายุมากแล้ว ถ้าเกิดสกุลชุยเลิกจ้างขึ้นมา เกรงว่าพวกนางจะหาครอบครัวดีๆ ทำงานต่อได้ยาก…
นางเพิ่งจะคุยโวกับหลี่มามาไปว่าวันหน้ามีเนื้อให้กินคำโต ไม่ทันไรกลับต้องไล่พวกนางกลับบ้าน เพียงแค่คิดก็รู้สึกทำใจลำบากแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้นางจึงสำรวจให้ทั่วอีกรอบหนึ่งอย่างไม่ยอมตัดใจ หวังว่าจะคิดวิธีการใดออก เพียงแต่เดินจนขาหมดแรง ชายกระโปรงเปรอะโคลนชื้นแฉะบนถนนดินแล้วก็ยังคิดหาวิธีชั้นยอดอะไรออกมาไม่ได้
ถ้าเกิดร้านไปไม่รอดจริงๆ นางก็ได้แต่ให้เงินเกษียณพวกหลี่มามามากหน่อย เพื่อวันหน้าพวกนางจะได้ไม่ไร้ที่พึ่งพิง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เงินทองที่เหลืออยู่ในกล่องเครื่องประดับของตนก็จะเหลือไม่มาก ทว่ายังดีที่สกุลชุยมีร้านค้าอยู่ ถึงอย่างไรก็พอฝืนใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้
เมื่อคิดเช่นนี้หลิ่วเหมียนถังก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก ไม่อยากเปลืองกำลังขาไปมากกว่านี้จึงตัดสินใจย้อนกลับไปที่ตำบลหลิงเฉวียน
แต่เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจากข้างหลัง “แม่นางหลิ่ว รอก่อน!”
หลิ่วเหมียนถังเหลียวมองไปตามเสียง ที่แท้เป็นท่านหมอเทวดาจ้าวเฉวียนที่ไม่ได้เจอกันมานาน
พูดไปแล้วจ้าวเฉวียนอยู่ที่นี่เพราะมาตามหายอดฝีมือที่เร้นตัวจากทางโลก
ปกตินอกจากจ้าวจยาอวี๋ชำนาญศาสตร์การแพทย์แล้ว ยังชำนาญพวกด้านภาพวาดและอักษรมากเช่นกัน แต่เขาไม่ค่อยสนใจภาพวาดอักษรของผู้มีชื่อเสียงสักเท่าใด ชอบทำตัวเป็นป๋อเล่อ* ที่รู้จักมองคน เป็นผู้สูงศักดิ์ของบัณฑิตยากจนมากที่สุด
หากสายตาแหลมคมของเขาตามหาจิตรกรยอดฝีมือที่ไม่มีผู้คนสนใจจากในร้านขายภาพวาดพบ นั่นต่างหากถึงจะขับเน้นความยอดเยี่ยมของท่านโหวอย่างเขาได้
วันนี้ในร้านขายภาพวาดของอำเภอข้างเคียง จ้าวเฉวียนค้นเจอภาพดอกบัวในฤดูร้อนภาพหนึ่ง ผู้วาดเป็นบัณฑิตที่สอบไม่ผ่านขุนนางผู้หนึ่ง มีนามที่ใช้สำหรับวาดภาพว่า ‘เฮิ่นปี่จวีซื่อ’
ภาพวาดไม่ได้มีราคา ต่อให้ภายหลังร้านนำมาใส่กรอบก็มีราคาแค่ครึ่งตำลึงเท่านั้น เอาไว้ขายไปยังบ้านนอก ตกแต่งกำแพงบ้านโล้นๆ
แต่จ้าวเฉวียนรู้สึกว่าภาพที่ดูไม่สะดุดตานี้มีฝีพู่กันสง่างาม เลือกใช้สีสันได้โดดเด่น หากจิตรกรมีโอกาสจะต้องได้เป็นจิตรกรชั้นสูงแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงมาตามหาคนในหมู่ชาวบ้านตามที่อยู่ที่บัณฑิตผู้นั้นทิ้งไว้อย่างตื่นเต้น
นึกไม่ถึงว่าแม้จะตามหาบัณฑิตผู้วาดภาพดอกบัวไม่พบ แต่กลับได้พบดอกบัวดอกงามในใจแทนเสียได้ เขาเอ่ยปากเรียกหลิ่วเหมียนถังอย่างกระตือรือร้นทันที
ทุกวันนี้เวลาหลิ่วเหมียนถังได้เจอจ้าวเฉวียน ในใจจะลอบระวังตัวขึ้นมา สามีเตือนนางว่าท่านหมอเทวดาจ้าวมิใช่สุภาพชน ชอบกินหญ้าจากรังของสหายมากที่สุด นางย่อมต้องหลีกเลี่ยงบ้าง
ดังนั้นครั้งนี้พอได้พบกันหลิ่วเหมียนถังจึงไม่ได้ยิ้มแย้มต้อนรับเหมือนวันวาน เพียงย่อตัวคารวะเขาตามมารยาทด้วยสีหน้าบึ้งตึง จากนั้นเอ่ยกับหลี่มามา “เจ้าไปบอกท่านหมอเทวดาจ้าวทีว่าพวกเรายังมีธุระ ไม่อาจเสียเวลาอยู่ต่อ ต้องขอตัวก่อนแล้ว”
จ้าวเฉวียนรู้สึกประหลาดใจ ทั้งๆ ที่ตนยืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วเหมียนถังแล้วแท้ๆ นางจะลำบากให้หลี่มามาส่งต่อคำพูดไปไย
แต่เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งดวงตาเฉียบแหลมค้นพบหยกที่ถูกฝังอยู่บ้านนอกก้อนหนึ่ง ในใจย่อมระริกระรี้เป็นธรรมดา อยากจะโอ้อวดความยอดเยี่ยมของตนเองต่อหน้าหญิงงาม แล้วก็ไม่ถือสาต่อท่าทีที่เปลี่ยนไปเย็นชากะทันหันของนาง เพียงรีบเอ่ยว่า “วันนี้ข้ามาหายอดฝีมือที่ซ่อนเร้นตัวตนผู้หนึ่ง กำลังกลุ้มใจที่ไม่มีใครช่วยดูว่าข้ามองผิดไปเองหรือไม่ ประจวบเหมาะแม่นางหลิ่วอยู่ที่นี่พอดี รบกวนช่วยดูภาพวาดภาพนี้ด้วย”
พูดจบเขาก็สั่งให้บ่าวรับใช้ที่ตามอยู่ข้างกายไปหยิบกระบอกภาพลงมาจากรถม้า จากนั้นกางให้หลิ่วเหมียนถังดูประหนึ่งถวายสมบัติ
เดิมทีหลิ่วเหมียนถังไม่สนใจสักนิด เพียงแค่กวาดตามองผ่านๆ แต่ตอนที่สายตาตกลงบนภาพวาดกลับนิ่งงันไป
แม้นางจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทว่าเพราะบิดากับพี่ชายต่างชอบพวกภาพวาดและของเล่นโบราณ นางจึงพอจะรู้เรื่องอยู่บ้าง แม้ไม่อาจพูดได้ว่าเชี่ยวชาญเรื่องภาพวาดอักษร แต่ยังคงพิจารณาผลงานชั้นสูงชั้นต่ำออก