ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 65-66
ในวันรุ่งขึ้นหลิ่วเหมียนถังตามท่านลุงใหญ่ขึ้นเรือ จุดที่ต่างจากการไปโดยไม่ลาที่ด่านอู่หนิง ครั้งนี้ชุยสิงโจวเป็นฝ่ายมาส่งทั้งสองคนตรงท่าเรือด้วยตนเอง
“ครั้งนี้ข้าให้หลี่มามาตามเจ้ากลับไปด้วย” ชุยสิงโจวชี้ไปยังหลี่มามาที่สะพายห่อสัมภาระอยู่ด้านข้างพร้อมเอ่ย
หลิ่วเหมียนถังได้ยินว่าเขาจะให้หลี่มามาตามมาด้วยก็เอ่ยปากทันที “ไม่เป็นไร ใช่ว่าที่บ้านสกุลลู่ไม่มีบ่าวรับใช้เสียหน่อย ข้าไม่ได้ขาดแคลนคนคอยปรนนิบัติหรอกนะ”
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าหลี่มามาคือหูตาที่ชุยสิงโจวส่งมาจับตาดูตนเอง ดังนั้นต่อให้บ่าวหญิงอาวุโสทำอาหารอร่อยกว่านี้นางก็ไม่กล้ารับไว้!
ชุยสิงโจวกลับเอ่ยว่า “ไม่ขาดคนปรนนิบัติ? แล้วเหตุใดเจ้าจึงทำตนเองผ่ายผอมลงเพียงนี้ ทุกสามวันห้าวันก็อยากกินอาหารที่หลี่มามาถนัดทำ แต่ก็รังเกียจว่าฝีมือห้องครัวสกุลลู่ของเจ้าแย่เกินไป ตอนนี้เจ้าตัวตามเจ้ากลับไป เจ้าอยากกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น นอกจากนี้…อยากเรียนรู้มารยาทก็ให้มามาทุ่มเทสอนเจ้าได้ เป็นสตรีคงไม่อาจเรียนรู้แต่หมัดเท้าโดยไม่รู้เรื่องมารยาทกระมัง”
หลิ่วเหมียนถังฟังมาถึงตรงนี้ก็แสดงออกอย่างอ้อมค้อมว่าตนเองเปิดสำนักคุ้มภัย เวลาดื่มชากับพวกลูกน้องให้ใช้ถ้วยชายังรู้สึกเสแสร้ง ใช้ชามใหญ่ถึงจะสาแก่ใจ บรรดามารยาทที่หลี่มามาสอนมา ส่วนใหญ่ใช้เวลาเหล่าคุณหนูและฮูหยินเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชา ส่วนนางคาดว่าวันหน้าจะไม่ได้ใช้
ชุยสิงโจวเห็นนางแย้งตนเองอีกแล้ว สีหน้าก็ดำทะมึนลงอย่างห้ามไม่ได้ “เอาเป็นว่าข้ายกคนให้เจ้าแล้ว หากเจ้าไม่พอใจนางก็หานายหน้ามาขายนางไปแล้วกัน”
ตอนที่ไหวหยางอ๋องเอ่ยประโยคนี้ หลี่มามายืนอยู่ด้านข้างนี้เอง ต่อให้ท่านอ๋องพูดว่าจะให้นายหน้าขายตัวนาง เอวก็ยังคงเหยียดตรง กระทั่งขนคิ้วยังไม่ขยับ
สมเป็นท่าทางของหมัวมัวแห่งจวนอ๋องจริงๆ ไม่ตื่นตระหนกกับอะไรง่ายๆ!
เพียงแต่บ่าวหญิงอาวุโสมองมาที่คุณหนูหลิ่วด้วยแววตาลุ่มลึก สีหน้าเองก็ดำคล้ำ
หลิ่วเหมียนถังรู้สึกว่าหลี่มามาอายุมากเพียงนี้ ได้รับความตกใจเข้าจะไม่เป็นการดี จึงหันไปพูดกับนาง “ท่านอ๋องกำลังล้อเล่น ข้าจะขายมามาได้อย่างไร…”
หลี่มามาตอบอย่างสุภาพนอบน้อม “ท่านอ๋องกล่าวถูกแล้ว หากคุณหนูรู้สึกว่าบ่าวภักดีไม่พอ ไม่ต้องพูดเรื่องขายเลย การโบยตายเองก็สมควรแล้วเจ้าค่ะ!”
เรื่องโบยบ่าวรับใช้จนตายน่าจะเป็นวิชาที่สืบทอดกันมาในจวนอ๋องจวนโหวเช่นกัน หลี่มามาเอ่ยเสียงดังฟังชัดราวกับกินถั่วกรอบ
ฟางเซียกับปี้เฉ่าได้ยินแล้วพากันหดคอ
เพราะเมื่อก่อนเวลาหลี่มามาสั่งสอนพวกนาง ไม่ได้เคยพูดเพียงครั้งเดียวว่าจากสภาพไม่รู้จักความก้าวหน้าของพวกนางสองคน หากเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องจวนโหวก็คงถูกม้วนใส่เสื่อไปโยนทิ้งสุสานศพไร้ญาตินานแล้ว!
แต่ก่อนพวกนางนึกว่าหลี่มามาพูดล้อเล่น มาตอนนี้ถึงได้รู้สึกตัวช้า ตอนที่หลี่มามาพูดประโยคนี้แฝงกระไอสังหารอยู่จริงๆ
เมื่อคิดถึงว่าครั้งนี้บ่าวหญิงหน้าดำคล้ำจะตามไปด้วย สองสาวใช้ต่างมีสีหน้าเศร้าหมอง
ถัดมาไหวหยางอ๋องยังกำชับอีกรอบอย่างวางใจไม่ลง
ที่สำคัญที่สุดคือได้รับจดหมายของเขาเมื่อไรจะต้องตอบกลับทันที หากเป็นเหมือนแต่ก่อนที่กระทั่งรับจดหมายยังไม่ยอมรับเขาจะไม่ยอมทนเด็ดขาด!
กว่าจะขึ้นเรือได้ช่างแสนยากเย็น ลู่เซี่ยนมองไหวหยางอ๋องที่ยังยืนอยู่ตรงท่าเรือไม่ไปที่ใดก็หันไปถามหลิ่วเหมียนถังอย่างหวั่นใจ “เจ้าว่าท่านอ๋องจะยอมปล่อยมือหรือไม่”
หลิ่วเหมียนถังไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินไปที่หัวเรือ มองหยาดน้ำซึ่งกระเซ็นขึ้นมาข้างลำเรือเงียบๆ
เขาจะปล่อยมือหรือไม่เป็นเรื่องของเขา แต่ชีวิตของนางต้องให้ตัวนางเองเป็นผู้วางแผนใช้ชีวิตผ่านไป
รอหลังกลับไปนางจะขยันขันแข็งเก็บเงินให้มากๆ
เพราะว่าการเป็นหญิงสาวทึนทึกนั้นไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือทั้งทึนทึกและยากจน
เมื่อคิดเช่นนี้การแยกจากครั้งนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกสงบนิ่งแต่ภายนอกแต่ข้างในหนักอึ้งเหมือนกับครั้งแรกอีก
ดังนั้นดูแล้ว ข้อเสนอให้ค่อยๆ คุ้นชินกับการแยกกันจำพวกนี้ของชุยสิงโจวมีประโยชน์อยู่บ้างจริงๆ หลิ่วเหมียนถังรู้สึกเพียงว่ายังไม่ทันกลับไปก็มีเรื่องมากมายรอให้ทำแล้ว
ตลอดเส้นทางเดินเรือไม่มีเรื่องราวให้พูดคุย หลังผ่านไปหลายวันก็กลับไปถึงเขตแดนซีโจว
เพราะตอนที่หลิ่วเหมียนถังจากไปบอกว่าตนไปจัดการเรื่องในสำนักคุ้มภัย แม้จะทำให้ท่านผู้เฒ่าเป็นกังวลบ้างทว่าก็มีเหตุผล มีเพียงนายท่านใหญ่ที่ไล่ตามไปด้วยความเป็นห่วง คนอื่นๆ กลับไม่รู้สึกผิดปกติอะไร
เพียงแต่ครั้งนี้คุณหนูหลิ่วกลับมาได้พาบ่าวหญิงหน้าดำคล้ำมาด้วยอีกคน ชักนำให้ลู่ชิงอิงเบ้ปากเอ่ยอย่างห้ามไม่ได้ “วางท่าใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เสียจริง สาวใช้สองคนยังไม่พอรับใช้ กลับซื้อตัวบ่าวหญิงมาอีกคน! ข้าเห็นว่านางดูเหมือนคุณหนูตระกูลขุนนางเสียยิ่งกว่าบุตรสาวของผู้ว่าการอำเภออีก!”
ขณะนี้ครอบครัวบ้านรองกำลังกินอาหาร ลู่มู่ได้ยินบุตรสาวเอ่ยอย่างอิจฉาก็ถลึงตาเอ่ย “ท่านโหวจ้าวผู้นั้นต้องตาเหมียนถัง รอนางกลายไปเป็นอนุสูงศักดิ์ของจวนโหวเมื่อไร ย่อมต้องมีท่าทางยิ่งกว่าหลานสาวของผู้ว่าการอำเภออย่างเจ้า! ลูกพี่ลูกน้องเจ้าเป็นคนร้ายกาจ หากเจ้าพูดเช่นนี้ต่อหน้านาง รอดูว่านางจะละเว้นเจ้าง่ายๆ หรือไม่!”
ลู่ชิงอิงเบ้ปากเอ่ย “ท่านพ่อมองในแง่ดีเกินไปแล้ว คนที่ท่านโหวต้องตาจะได้ยกเกี้ยวเข้าจวนกันหมดหรือไร ข้าได้ยินจากคุณชายซูว่าในจวนท่านโหวจ้าวมีอนุเยอะมาก จะสูงศักดิ์หรือไม่ พอคนเยอะเข้าก็ล้วนต่ำชั้นทั้งนั้น…ไม่แน่ท่านโหวจ้าวอาจแค่อยากนอนกับนางเท่านั้นก็ได้!”