เจ้าหญิงลลิสสาทิ้งข้อความไว้ให้พี่เลี้ยงมันจูก่อนแอบออกมาขี่ม้าตามลำพัง เธอขลุกอยู่ที่อุทยานเกือบสองชั่วโมง แต่แล้วความสงบก็ถูกรบกวนเมื่อขบวนองครักษ์ออกตามหากันจ้าละหวั่นจนเธอต้องขี่ม้ากลับตำหนักในที่สุด
“ลิสสาแค่ออกไปขี่ม้าเล่น ทำไมต้องยกโขยงมาขนาดนี้ด้วยนะพี่มันจู”
หญิงสาวชักสีหน้าใส่พี่เลี้ยงซึ่งยืนรออยู่หน้าตำหนัก
“ทรงหายไปเกือบสองชั่วโมง จะไม่ให้ร้อนใจได้ยังไงล่ะเพคะ”
“ลิสสาส่งข้อความบอกพี่มันจูแล้วนี่นา”
“โทรศัพท์ของหม่อมฉันแบตฯ หมดน่ะสิเพคะ อย่างน้อยก็น่าจะแจ้งนางกำนัลคนอื่นไว้ด้วย แอบออกไปในสถานการณ์แบบนี้มันอันตรายนะเพคะ”
“ตายเสียได้ก็ดี ใครๆ จะได้เลิกเห็นลิสสาเป็นหมากในกระดานเสียที”
“โธ่ ใครจะกล้าคิดแบบนั้นล่ะเพคะ”
“เยอะแยะ เปิดเฟซบุ๊กก็เจอแล้ว”
แค่ออกไปขี่ม้าให้พ้นสายตาใคร่รู้ของเหล่านางกำนัลยังถูกตามตัวกลับ ตกลงเธอเป็นเจ้าหญิงหรือนักโทษกันแน่ ความขุ่นเคืองที่ยังอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจทำให้เจ้าหญิงน้อยเร่งฝีเท้า หมายจะเดินหนีกลับห้องนอน แต่ฝีเท้าก็เป็นอันต้องสะดุดเมื่อเสียงพูดคุยดังลอดมาจากโต๊ะน้ำชาในห้องนั่งเล่น
“พวกนักการเมืองทำไปเพราะหวังผลเลือกตั้ง คนนึงพูดแล้วได้ซีน คนอื่นก็หิวแสงทำตามๆ กัน เรื่องของราชวงศ์เป็นอาหารปากของประชาชนอยู่แล้ว พี่จะห้ามอะไรได้”
“แต่ลูกสาวหม่อมฉันเป็นเหยื่อนะเพคะ ฝ่าบาทไม่คิดจะทำอะไรเพื่อลิสสาบ้างรึไง”
“ไม่ใช่ไม่ทำ พี่แค่รอเวลาให้อารมณ์ของประชาชนเย็นลงกว่านี้”
“อย่างน้อยก็น่าจะรับสั่งให้นักข่าวเขียนข่าวเพลาๆ ลงหน่อย ฝ่าบาทเป็นมหาราชานะเพคะ”
“ขืนเราสั่งห้ามออกข่าว พวกนั้นก็หันมาโจมตีว่าเราใช้อำนาจบาตรใหญ่ ปิดหูปิดตาประชาชน ทีนี้ล่ะประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็คงพานเกลียดราชวงศ์น่ะสิวตี”
แม้จะเห็นด้วย แต่ในใจของมหารานีแห่งพูรัมกลับยังไม่หายขุ่นใจ
“แล้วจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอเพคะ ลิสสามีแต่เสียกับเสีย หม่อมฉันมั่นใจว่าสองวันที่ลิสสาหายไปไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้น”
“พี่รู้ว่าลิสสาปลอดภัย ฌาร์มานยืนยันกับพี่เอง เชื่อพี่เถอะวตี อีกไม่นานอะไรๆ จะดีขึ้นเอง”
“แล้วทรงคุยกับลิสสารึยังเพคะ”
“ลิสสาไม่ยอมเจอพี่น่ะสิ ไม่รู้โกรธอะไรนักหนา”
“ก็ทรงบังคับให้ลิสสาไปร่วมงานวันเกิดมหาราชาทำไมล่ะเพคะ”
“พี่หวังดีหรอก”
รานีปัทมาวตีถอนหายใจ “ทรงเลิกจับคู่ลิสสากับมหาราชาได้แล้วนะเพคะ มหาราชาย่างสี่สิบแล้ว แต่ลูกสาวของหม่อมฉันแค่ยี่สิบเอ็ด ห่างกันตั้งเกือบยี่สิบปี ทรงคิดอะไรอยู่ถึงจับคู่ลิสสากับชายแก่”
“พูดซะเสียเลย ฌาร์มานแค่สามสิบเก้าเองวตี ยังไม่แก่เสียหน่อย ในสายตาของเรา ฌาร์มานเหมาะกับลิสสามาก เราเชื่อว่าฌาร์มานจะปกป้องคุ้มครองลิสสาได้”
“แต่หม่อมฉันรับปากรานีอุษมาไว้ก่อนท่านสิ้นว่าจะดูแลลิสสาเหมือนลูก เพราะฉะนั้นอย่าทรงบีบให้ลิสสาไปดูตัวอีก หม่อมฉันไม่ยอมแน่”
“พี่ก็แค่…”
“ส่งลิสสาไปงานวันเกิดมหาราชา อ้างว่าเป็นตัวแทนพูรัม แต่แท้จริงแล้วทรงวางแผนจะให้สองคนนี้ทำความรู้จักกัน อย่าคิดว่าหม่อมฉันรู้ไม่ทันนะ” มหาราชาแห่งพูรัมยิ้มแห้งๆ เมื่อถูกรานีคู่ใจอ่านออกจนหมดเปลือก “สาวๆ กุณฑ์ชาลาสวยๆ เยอะแยะ เหตุใดต้องมายุ่งกับลิสสา หรือว่าทรงมีรสนิยมชอบเด็ก”
“ฌาร์มานไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วอีกอย่างหมอนั่นวันๆ ทำแต่งาน จะเอาเวลาไหนไปยุ่งกับผู้หญิง”
“หรือไม่ก็อาจจะโปรดเพศเดียวกันเหมือนที่คนเขาลือกัน”
“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ฝ่าบาทเป็นแค่พระสหายนะเพคะ ไม่ได้อยู่กับมหาราชาตลอด ทรงแน่พระทัยได้ยังไง”
“พี่รู้ก็แล้วกันน่าว่าฌาร์มานไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน ฌาร์มานเป็นพวกฝังใจ รักแล้วรักเลย”
“แปลว่าทรงมีคนรักอยู่แล้วเหรอเพคะ”
สีหน้าของมหาราชาอาเมียร์เหมือนคนน้ำท่วมปาก จะเอ่ยตอบอะไรก็เข้าตัวไปเสียหมด