“เอาเป็นว่าฌาร์มานเหมาะสมกับลิสสามาก พี่เชื่อว่าเขาจะปกป้องคุ้มครองลิสสาได้”
“ทรงคิดแต่ในมุมของผู้ชาย คิดไหมว่าลิสสาจะทุกข์แค่ไหนหากต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก”
“พี่ถึงส่งลิสสาไปเจอฌาร์มานก่อนไงล่ะ ถ้าลิสสาไม่ชอบ พี่ก็ไม่บังคับ”
“ทรงยอมรับแล้วใช่ไหมเพคะว่าเป็นแผนของพระองค์” บางครั้งมหาราชาอาเมียร์ก็อยากให้รานีของพระองค์ใสซื่อ อ่อนต่อโลก ไม่ใช่รู้ทันพระองค์ไปเสียทุกเรื่อง “ทรงทำแบบนี้ทางโน้นจะคิดว่าพูรัมหมดหนทางถึงกับต้องส่งเจ้าหญิงไปแต่งงาน ไปเป็นตัวประกันทางการเมือง”
“เหลวไหล ตัวประกันอะไรกัน ฌาร์มานไม่คิดแบบนั้นหรอก”
“ไม่รู้แหละ อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะเพคะ หม่อมฉันจะปกป้องลูกสาวของหม่อมฉันทุกวิถีทาง”
น้ำเสียงหนักแน่นของรานีปัทมาวตีทำให้พายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำอยู่ในใจของเจ้าหญิงลลิสสาอ่อนกำลังลงจนเป็นลมเย็นอ่อนๆ ชวนชื่นใจ
นับตั้งแต่ทูลกระหม่อมย่าสิ้นพระชนม์ด้วยโรคหัวใจเมื่อหลายปีก่อน ทูลกระหม่อมปู่ก็ลั่นวาจาว่าจะประทับอยู่แต่ในตำหนักฤดูร้อนเพื่อประพฤติพรหมจรรย์แบบนักบวช รานีปัทมาวตีจึงไปรับเธอมาประทับที่วังหลวง มหารานีรักและดูแลพระองค์เหมือนลูกสาวแท้ๆ กระทั่งเธอขอไปเรียนต่อที่อังกฤษ
‘เรียนที่อินเดียดีกว่าไหมลิสสา เดี๋ยวนี้การศึกษาที่นั่นทัดเทียมกับลอนดอนเลยนะ’
มหาราชาค้าน เจ้าหญิงลลิสสาจึงหันไปเกาะแขนอ้อนแม่บุญธรรม
‘พี่วตีขา ช่วยลิสสาด้วย’
แน่นอนว่าแม่บุญธรรมที่รักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ มีหรือจะไม่ออกหน้าช่วยสุดตัว
‘อินเดียกับพูรัมใกล้กันแค่นี้จะได้อะไรนักเชียว หม่อมฉันเห็นว่าไปเรียนที่ลอนดอนจะช่วยเปิดโลกให้ลิสสา ได้รู้จักผู้คน เผลอๆ จะได้คอนเน็กชั่นอีกเพียบนะเพคะ’
‘อยากได้คอนเน็กชั่นก็ให้ทูตของเราจัดการไป เป็นผู้หญิงเรียนเยอะๆ สุดท้ายก็ต้องแต่งงานอยู่ดี’
‘พี่วตีช่วยด้วยค่ะ ลิสสาไม่อยากแต่งงาน’
‘อย่าลืมสิเพคะว่ารานีอุษมายกลิสสาให้เป็นลูกสาวของหม่อมฉัน ฝ่าบาทเป็นแค่พี่ชาย เพราะฉะนั้นสิทธิ์ขาดการตัดสินใจเป็นของหม่อมฉัน ถ้าลูกสาวหม่อมฉันไม่อยากแต่ง ใครก็บังคับไม่ได้ทั้งนั้น’
‘พี่ก็ไม่ได้บอกให้แต่งวันนี้พรุ่งนี้เสียหน่อย’
‘เรียนจบกลับมาแล้วลิสสาอยากกลับมาทำงานพัฒนาศิลปวัฒนธรรมในประเทศค่ะพี่วตี ลิสสาไม่อยากแต่งงาน’
‘จ้ะ ไม่แต่งก็ไม่แต่ง’ รานีปัทมาวตีพยักหน้าเห็นด้วยก่อนถลึงตาใส่สวามี ‘ลูกสาวหม่อมฉันเป็นคนเก่งมีความสามารถ เรียนจบมาแล้วอยากกลับมาทำงานพัฒนาประเทศก็ถูกแล้ว จะรีบแต่งไปทำไมเพคะ’
‘ไม่ได้รีบ พี่ก็แค่…แค่นี้ลิสสาก็ร้ายกาจจนหาผู้ชายมาแต่งด้วยไม่ได้แล้วนะวตี แสบแบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะรับมือไหว’
‘แต่งไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่ง ลูกสาวคนเดียว หม่อมฉันเลี้ยงได้’
เจอคำขาดแบบนี้เข้า มหาราชาแห่งพูรัมซึ่งเกรงใจมหารานีเป็นทุนเดิมถึงกับถอนหายใจแรงๆ
‘ตามใจกันตั้งแต่ทูลหม่อมย่าจนมาถึงวตี ลิสสาถึงรั้นไม่ฟังใครแบบนี้’
รับสั่งจบก็เดินตึงตังจากไป ทิ้งให้เจ้าหญิงลลิสสาอยู่กับรานีปัทมาวตีลำพัง
‘ลิสสาทำให้พี่วตีกับพี่ราชทะเลาะกันใช่ไหมคะ’
‘ไม่ต้องไปสนใจหรอก ดุไปงั้นเอง ที่จริงก็ห่วงลิสสานั่นแหละ ไปไกลหูไกลตาใครจะดูแล’
‘พี่วตีอยากให้ลิสสาเรียนใกล้ๆ เหมือนพี่ราชเหรอคะ’
‘พี่รักลิสสาเหมือนลูกก็ต้องอยากให้ลิสสาเรียนใกล้ๆ เป็นธรรมดา แต่อนาคตเป็นของลิสสา ลิสสาต้องตัดสินใจเอง พี่จะคอยซัพพอร์ตลิสสาเอง’
‘ลิสสารักพี่วตีที่สุดในโลกเลยค่ะ’
เจ้าหญิงลลิสสาวาดวงแขนกอดรานีปัทมาวตีไว้ด้วยความดีใจ รานีปัทมาวตีลูบศีรษะพลางหยอกยิ้มๆ
‘เดี๋ยวลิสสาไปเรียนที่โน่น เจอหนุ่มๆ ถูกใจก็รักแฟนมากกว่าพี่อยู่ดี’
‘ไม่มีทางหรอกค่ะ พี่ราชยังบอกเองเลยว่าไม่มีหนุ่มคนไหนรับมือลิสสาได้’
คำพูดนั้นยังคงดังก้องอยู่ในความคิดของเจ้าหญิงลลิสสามากระทั่งปัจจุบัน เธอเรียนเพื่อกลับมาพัฒนาประเทศเล็กๆ อย่างพูรัม ไม่ใช่เพื่อแต่งงานกับมหาราชาที่เต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวสักหน่อย
“ใครจะไปยอมแต่งด้วย ชิ!”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 20 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.