บทที่ 1
สิบปีต่อมา
“เสียดายที่คุณกาบีร์ไม่ได้มาด้วย”
“ไม่มาก็ดีแล้ว อย่าลืมสิเพคะว่าเขาไม่ใช่องครักษ์ของเจ้าหญิงแล้ว”
เจ้าของเสียงเป็นสาวร่างท้วมสวมชุดส่าหรีสีเขียวกำลังเดินเคียงร่างเล็กอ้อนแอ้นไปยังประตูทางออกสนามบินนานาชาติกุณฑ์ชาลาโดยมีขบวนเจ้าหน้าที่ทูต ข้าราชการและองครักษ์หลายคนจากพูรัมคอยตามประกบด้านหลัง
“ลิสสาชอบลืมอยู่เรื่อยเลย คุณกาบีร์ดูแลลิสสามาตั้งแต่เล็ก พอลิสสาไปเรียนอังกฤษ พี่ราชเลยย้ายคุณกาบีร์ไปนั่งตำแหน่งใหญ่ขึ้น จะให้เป็นองครักษ์ลิสสาไปจนแก่ได้ไงเนอะ”
“ขนาดไปรับตำแหน่งใหญ่ๆ โตๆ ในกระทรวงแล้ว ยังแวะมาฝากท้องที่ตำหนักแทบจะทุกอาทิตย์ คนอะไรเห็นแก่กิน”
น้ำเสียงกระเง้ากระงอดนั้นชวนให้เจ้าหญิงหน้าหวานหวนนึกถึงเหตุผลเบื้องหลังที่กาบีร์ถูกย้ายเข้ากรมกองไม่ได้ เขากับพี่เลี้ยงมันจูเคยเป็นคนรักกันมาก่อน แต่องครักษ์หนุ่มพลาดทำผู้หญิงอื่นท้องจนเป็นเหตุให้ต้องแต่งงานด้วย หากให้กาบีร์อยู่อารักขาเธอต่อคงพานเข้าหน้ากันไม่ติด พี่ชายของเธอก็เลยย้ายเขาไปตำแหน่งอื่น
“เขาแวะมาเพราะพี่มันจูรึเปล่าจ๊ะ”
“เฮอะ! ผู้ชายหลายใจแบบนั้น หม่อมฉันไม่แลให้เสียสายตาหรอกเพคะ”
“คุณกาบีร์พลาดท่าทำผู้หญิงคนนั้นท้องเลยต้องรับผิดชอบ พี่มันจูก็เห็นว่าคุณกาบีร์กับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักกัน แต่ต้องอยู่ด้วยกันเพื่อรับผิดชอบลูก ตอนนี้ลูกเขาก็โตแล้ว แถมคุณกาบีร์ยังหย่าแล้วด้วย เป็นพ่อม่ายเนื้อหอมเชียวนะพี่มันจู”
คนถูกแซวส่งเสียงฮึขึ้นจมูกจนเจ้าหญิงลลิสสากลั้นสรวลแทบไม่อยู่
“แหม อย่าใจแข็งนักเลยพี่มันจู ลิสสารู้หรอกว่าคุณกาบีร์แคร์พี่มันจูแค่ไหน”
“ถ้าแคร์หม่อมฉันจริง คงไม่ทำแม่นั่นท้องจนกลายเป็นข่าวฉาวไปทั่ววังหรอกเพคะ”
“โอ๋ๆ พี่มันจูอย่าน้อยใจไปเลยนะ ใครไม่รักก็ช่างเขา ลิสสารักพี่มันจูก็พอแล้ว”
“หม่อมฉันไม่ได้น้อยใจหรอกเพคะ เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว รื้อฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์” มันจูพูดอย่างปลงๆ ก่อนหันไปมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ในสนามบินจนหนาตา “คนเยอะจังเลยนะเพคะ”
“ไม่เยอะได้ยังไงล่ะพี่มันจู นี่สนามบินนะ” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยแซวพลางแย้มยิ้มให้พี่เลี้ยงวัยต้นสี่สิบ
“สนามบินพูรัมยังคนไม่เยอะขนาดนี้เลยเพคะ”
“พูรัมกับกุณฑ์ชาลาเหมือนกันที่ไหนล่ะ แค่สนามบินก็กว้างขวางทันสมัยกว่าพูรัมตั้งเยอะ”
“กุณฑ์ชาลาเงินหนากว่านี่เพคะ เอาเงินมาถมแม่น้ำจนราบเป็นพื้นดินยังเหลือด้วยซ้ำ”
ลลิสสายิ้มบางๆ ดึงแขนเสื้อยืดลายทางลงมาคลุมเสมอข้อมือเพราะรู้สึกถึงลมหนาวที่แทรกตัวผ่านช่องว่างหน้าต่างเข้ามา ยังดีที่เธอสวมกางเกงยีนเนื้อหนาเลยค่อยยังชั่วหน่อย
“ทำไงได้ล่ะพี่มันจู พูรัมไม่มีเหมืองทอง ไม่มีสินแร่หายากเหมือนกุณฑ์ชาลานี่นา ไม่งั้นเราคงมีเงินมาสร้างโน่นสร้างนี่ให้ทันสมัยไม่ต่างจากกุณฑ์ชาลาหรอก”
“เสียดายที่พูรัมมีแต่สินค้าเกษตรนะเพคะ”
“สินค้าเกษตรก็ไม่แย่นักหรอกพี่มันจู เลี้ยงปากเลี้ยงท้องผู้คนได้”
“จริงด้วยเพคะ ลองพูรัมไม่ส่งสินค้าเกษตรให้กุณฑ์ชาลา ดูสิ จะทนได้ถึงอาทิตย์ไหม”
เจ้าหญิงน้อยส่ายหน้าค้าน “เราไม่ขายให้กุณฑ์ชาลา เขาก็หันไปซื้ออินเดียแทน เราไม่ได้มีแต้มต่อเยอะหรอกพี่มันจู ไม่งั้นพี่ราชคงไม่ขอร้องแกมบังคับให้ลิสสามาร่วมงานวันเกิดของมหาราชาหรอก”
“หม่อมฉันคิดว่าฝ่าบาททรงหวังดีหรอกเพคะถึงส่งเจ้าหญิงมาร่วมงาน”
“ร้อยวันพันปีมหาราชาไม่เคยจัดงานวันเกิด จู่ๆ ปีนี้ทำไมถึงจัด แล้วจัดเป็นงานภายใน ทำไมต้องเชิญลิสสามาด้วย ส่งท่านทูตไปแทนก็ได้ นี่อะไร สั่งให้ลิสสาบินตรงมาจากลอนดอน ยังเที่ยวไม่ทันชุ่มปอดเลย”
“ฝ่าบาททรงสนิทกับมหาราชาฌาร์มานนี่เพคะ หากส่งแค่ทูตอาจไม่สมพระเกียรติกระมังเพคะ”
“แล้วส่งลิสสามาสมพระเกียรติที่ไหน อย่างน้อยถ้าพี่ราชไม่ว่างก็ต้องส่งระดับรานีปัทมาวตีรึเปล่า ส่งเจ้าหญิงกิ๊กก๊อกมาทำไมก็ไม่รู้”
“ฝ่าบาทคงอยากให้เจ้าหญิงน้อยมีพระสหายเพิ่มล่ะมังเพคะ”
คำตอบนั้นทำให้เจ้าหญิงลลิสสาส่ายหน้าหวือ