LOVE
ทดลองอ่าน ฌาลิสสา บทนำ-บทที่ 2
“วันหลังอย่าถอดอีก”
“เราไม่ได้ถอด มันขโมยของเราไป” เจ้าหญิงลลิสสาฟ้อง ทำเอา ‘ลุง’ ยิ้มออก
“ติดกายไว้แล้วจะปลอดภัย รู้ใช่ไหม”
เจ้าหญิงน้อยพยักหน้า นับตั้งแต่ได้เขี้ยวเสือมาตอนอายุสิบเอ็ดขวบ วันใดที่สวมเขี้ยวเสือไว้เธอจะปลอดภัยเสมอ แต่หากวันใดเธออยากลองดี พิสูจน์ความขลังของมัน เธอก็มักจะเจอดีจริงๆ แม้ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก แต่ก็ต้องเจอกับความซวยอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นหญิงสาวจึงสวมเขี้ยวเสือติดตัวมาโดยตลอด
“ที่เรารอดตายทุกครั้ง เป็นเพราะลุงเหรอ”
ลุงยืนกอดอก ตอบด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อยเหมือนแมวขี้เกียจที่ไม่สนใจโลกรอบตัว
“ฉันดูว่างขนาดนั้นเลยเหรอ”
คำตอบของลุงไม่ทำให้เจ้าหญิงน้อยแปลกใจ เพราะถามแบบนี้ทีไรลุงก็มีท่าทีแบบนี้เสมอ แต่ก็อดซักเขาไม่ได้ทุกที ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งที่มีคนคิดร้ายกับเธอ ทว่าทุกครั้งที่เกิดขึ้นเธอจะรอดตายราวกับมีปาฏิหาริย์ บางครั้งเป็นลุงที่เข้ามาช่วย แต่ก็มีหลายครั้งที่เป็นคนแปลกหน้ารูปร่างและท่าทางใกล้เคียงนักรบภูเขาแบบลุงมาช่วยเธอไว้แทน ต่อให้เขาไม่ยอมรับ เธอก็คิดว่าคงเป็นคนของเขาแน่ๆ ที่คอยติดตามช่วยเหลือเธอมาตลอด
“เขี้ยวเสือเป็นเครื่องรางของนักรบภูเขา มันจะช่วยคุ้มครองเธอ”
“ถ้างั้นนักรบภูเขากับหน่วยเขี้ยวพยัคฆ์ของกุณฑ์ชาลาคือกลุ่มเดียวกันรึเปล่า”
“จะสอดแนมกุณฑ์ชาลารึไงลิสสา”
ว่าพลางยกมือขึ้นโคลงศีรษะของเจ้าหญิงจอมแสบ ดวงตาดำจัดทอประกายอ่อนโยน รอยยิ้มที่หาชมยากผุดขึ้นบนเรียวปากที่มีหนวดเคราปกคลุม
“เราไม่ใช่เด็กนะลุง”
“รู้ว่าไม่ใช่เด็กแล้ว” น้ำเสียงของเขาทุ้มนุ่ม แววตาเปล่งประกายลึกล้ำที่เธออ่านไม่ออก แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่แววกรุ้มกริ่มแบบผู้ชายหื่นกระหายก็แล้วกัน “ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดก่อน”
“เราอยากถามมันก่อน”
“ไม่ใช่หน้าที่ เดี๋ยวฉันให้คนมาสอบปากคำเอง”
“ใคร?”
ลุงถอนหายใจแรงๆ หนึ่งที “คนของฉัน ไปกันเถอะ”
“ไปไหน”
“กลับพูรัม”
“แล้วพี่มันจูล่ะ? คนร้ายทิ้งพี่มันจูไว้ที่ไหนก็ไม่รู้”
“ตำรวจช่วยมันจูไว้แล้ว ตอนนี้กำลังส่งกลับพูรัม”
“แต่เราต้องร่วมงานวันเกิดของฝ่าบาทนะลุง”
“เจ้าของงานไม่อยู่ งานจะจัดได้ไง”
“แล้วแขกที่เชิญมาล่ะ”
“ยกเลิกหมดแล้ว แค่งานเล็กๆ เชิญกันภายใน ไม่มีปัญหาหรอก”
ลลิสสาย่นคิ้วเข้าหากัน นึกสงสัยว่าเหตุใดลุงถึงรู้เรื่องเยอะจัง เธอกำลังจะขยับปากถาม แต่เสียงเข้มกลับดังลอดมาจากทางด้านหลังเสียก่อน
“พี่ใหญ่!”
ความสนใจของเจ้าหญิงน้อยตกไปอยู่ที่ชายหนุ่มร่างสูงแต่งกายคล้ายลุง พันผ้าคลุมหน้าไว้มิดชิด เว้นไว้เพียงดวงตา
“จัดการคนในกระท่อมให้เรียบร้อยด้วย”
“ครับพี่ใหญ่”
“แล้วทางชายแดนล่ะ”
“เคลียร์แล้วครับพี่ใหญ่”
ฌาร์มานพยักหน้าพลางแตะข้อศอกเจ้าหญิงน้อย “ไปเถอะลิสสา”
หญิงสาวทอดมองชายแปลกหน้าสลับกับลุงด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้ปริปากถามกระทั่งเดินลัดเลาะผ่านแนวป่า สายลมเย็นพัดพาความชุ่มฉ่ำของผืนป่ามาต้องผิวเนียนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ทว่าการสวมรองเท้าส้นสูงเดินบนพื้นดินชื้นแฉะทำให้เดินลำบากไม่น้อย ดูเหมือนลุงจะสังเกตจึงเปรยถามด้วยสีหน้ากังวล
“เดินไหวรึเปล่า ให้ฉันแบกไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกลุง แค่นี้เอง เราเดินได้” ถึงเขามีบุญคุณช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้ง แต่เราไม่ได้สนิทสนมกันถึงขนาดแตะเนื้อต้องตัวได้เสียหน่อย “คนเมื่อกี้…น้องชายลุงเหรอ”
“ก็อายุน้อยกว่า”
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
“ไม่มีใครสอนเหรอว่าอย่ายุ่งเรื่องคนอื่น”
“ลุงไม่ใช่คนอื่น”
คำตอบของหญิงสาวทำให้หัวใจคนฟังเต้นแรง เลือดสูบฉีดไปทั่วกาย เสียดายที่หน้ากากหนังบนใบหน้ากลบรอยแดงเรื่อจนมิด
“แล้วฉันเป็นอะไร”
“ลุงเก๊าะ…เป็นเทวดาประจำตัวเราไง”
“ไม่เคยมีใครชมว่าฉันเป็นเทวดา ส่วนใหญ่จะด่าว่าเป็นซาตานมากกว่า”
“ลุงไม่ใช่คนเลวหรอก”
“แต่ก็ไม่ใช่คนดี”
หญิงสาวอมยิ้มกับการที่เขาเอาตัวรอดจากคำถามของเธอ จะว่าไปเจอกันแต่ละครั้งเขาก็พูดจากวนเธอแบบนี้เสมอต้นเสมอปลาย
“ลุงรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่”
“ป่าคือบ้านของนักรบภูเขา หาไม่ยากหรอก”
“ที่จริงแล้วลุงเป็นนักรบรับจ้างใช่ไหม ใครจ้างลุงมาช่วยเรา พูรัมหรือกุณฑ์ชาลา”
“ฌาร์มาน”
“ฝ่าบาทน่ะเหรอ” ลุงพยักหน้ารับ “แต่ฝ่าบาทมีหน่วยรบเขี้ยวพยัคฆ์ ทำไมต้องเสียเงินจ้างลุงด้วยล่ะ”
“หน่วยรบอยู่ในเมือง นักรบอยู่ในป่า”
“นั่นสินะ ฝ่าบาทคงไม่อยากผิดใจกับพี่ราช ถ้าเราหายไปคงวุ่นน่าดู”
“ฌาร์มานเป็นห่วงเธอ”
“เขาจะห่วงเราทำไม เราไม่สนิทกันสักหน่อย”
เจ้าหญิงน้อยหวนนึกถึงช่วงเวลาที่ตนได้เจอกับมหาราชาแห่งกุณฑ์ชาลาที่ลอนดอนแล้วยิ่งไม่เชื่อใหญ่ มหาราชาผู้นั้นทำหน้านิ่ง พูดเสียงเย็นชา ไม่มีวี่แววก้อร่อก้อติกหรือท่าทีจีบเธอแม้แต่น้อย เรียกว่าเย่อหยิ่งจนน่าหมั่นไส้ด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวนะ ทำไมลุงเรียกฝ่าบาทว่าฌาร์มานเฉยๆ ล่ะ ไม่กลัวหัวหลุดจากบ่าเหรอ”
“ฌาร์มานไม่ทำแบบนั้นหรอก”
“เราได้ยินว่าเขาชอบกุดหัวคนเล่น”
“ข่าวลือทั้งนั้น”
“ได้ยินว่าที่เขาไม่ยอมแต่งงานเพราะเลี้ยงสนมนางในไว้เพียบ”
“ไม่มีสักคน”
“แล้วก็ได้ยินอีกว่าเขาตั้งหน่วยเขี้ยวพยัคฆ์ขึ้นมาบังหน้า แต่จริงๆ เอาไว้ใช้เป็นฮาเร็ม เลี้ยงผู้ชายล่ำๆ”
“บังอาจ!”
เจ้าหญิงน้อยหัวเราะคิก ดวงตากลมโตสุกใสจ้องมองคนที่ยืนกอดอกหน้าบึ้งด้วยความฉงน
“ทำไมลุงต้องโกรธด้วย ลุงเป็นอะไรกับฝ่าบาท”
“ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“แล้วทำไมต้องเข้าข้างเขา”
“ไม่ได้เข้าข้าง เพียงแต่ไม่ชอบให้ใครพูดถึงเจ้าของเงินในทางเสียหาย ข่าวโคมลอยพวกนั้นเชื่อไปได้ไง”
“ไม่ได้เชื่อ แค่บอกว่าได้ยินเฉยๆ”
“วันหลังไม่ต้องไปฟัง ไร้สาระ ไม่จริงสักอย่าง”
“ฝ่าบาทคงให้เงินลุงเยอะมากสินะ ลุงถึงหัวเสียแบบนี้”
“ฌาร์มานไม่ใช่คนเลวร้ายนักหรอก ที่แน่ๆ เขารักเดียวใจเดียว”
พูดจบหนุ่มใหญ่ก็เดินตึงตังนำหน้าไป พานให้เจ้าหญิงน้อยมองตามด้วยความงุนงง
แก้ตัวให้ขนาดนี้ ยังว่าไม่เป็นอะไรกันอีก!
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 14 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.