LOVE
ทดลองอ่าน ณัฐรัมภา บทที่ 2
หนึ่งชั่วโมงหลังจากตัดสินใจนั่งที่ร้านกาแฟต่อ ณัฐรัมภาก็ได้ค้นพบว่ามันไม่แย่เลย ณัฐนนท์เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะที่ดี เธอสามารถนั่งคุยกับเขาได้เรื่อยๆ โดยไม่เบื่อหรืออึดอัด ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเขาแค่ชวนเธอคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป ทำตัวเป็นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งทำความรู้จักกัน โดยไม่ได้พยายามรุกจีบเธออย่างใจร้อนเหมือนที่ผู้ชายบางคนทำ
หนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาหัวข้อสนทนาของเธอกับเขาเรื่อยเปื่อยมาก ตั้งแต่เรื่องกาแฟ รสชาติของเมล็ดกาแฟที่ปลูกในสถานที่ต่างๆ อุปกรณ์การดื่มที่ช่วยส่งเสริมแนวคิดรักษ์โลก โดยที่ทั้งเธอกับเขาแทบไม่ได้พูดถึงเรื่องส่วนตัวของกันและกันเลย จนกระทั่งเมื่อครู่ชายหนุ่มคุยถึงบ้านที่สร้างด้วยพริ้นเตอร์สามมิติซึ่งเขาเคยเห็นมา เธอก็เลยถาม
“คุณเรียนจบหรือทำงานในสายวิทยาศาสตร์หรือเปล่าคะ ฉันเดาจากที่เรานั่งคุยกันน่ะ”
“ครับ ผมเป็นนักวิจัย” ณัฐนนท์พยักหน้ารับทั้งรอยยิ้ม
“นักวิจัย? แบบนักวิทยาศาสตร์อะไรประมาณนั้นน่ะเหรอ” หญิงสาวทำตาโต
“ใช่ครับ ผมทำเกี่ยวกับด้านชีวเคมี…คุณดูตกใจนะ หน้าผมไม่ให้เลยใช่ไหม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่อาชีพนักวิจัยนักวิทยาศาสตร์เป็นอาชีพที่ฉันเคยอยากเป็นตอนเด็กๆ ฉันคิดว่ามันเท่มากเลย”
“ตอนเด็กๆ ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน พอมาทำจริงๆ ถึงรู้ว่าเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความอดทนและความพยายามเยอะมาก…แต่ก็นั่นแหละ มีอาชีพไหนบ้างที่ไม่ต้องอดทนและพยายาม มันต้องมีความลำบากสักอย่างนั่นแหละ”
“ก็จริง” ณัฐรัมภาหยุดนิดหนึ่ง “แล้วคุณจบจากต่างประเทศใช่ไหมคะ”
“ครับ ผมได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกา พอเรียนจบผมก็ทำงานที่นู่นต่อสองปีแล้วถึงกลับมาไทย”
“จริงๆ คุณทำงานอยู่ที่นู่นน่าจะสบายกว่าที่ไทยนะ” เธอแปลกใจ
“ยังไงครอบครัวผมก็อยู่ที่ไทยนี่” ชายหนุ่มยิ้ม “ไม่แน่วันหนึ่งผมอาจจะไปทำงานที่เมืองนอกอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ก็กลับมาทำอะไรที่อยากทำก่อน”
“ดีจัง ฉันเคยคิดว่าอยากไปเรียนต่อหรือไม่ก็ไปทำงานเมืองนอกบ้าง ไม่รู้จะได้ไปไหม” หญิงสาวพึมพำ “ฉันถามเรื่องคุณแล้ว ฉันก็ต้องบอกเรื่องของตัวฉันมั่งเนาะ…ฉันทำงานเป็นอินทีเรียดีไซเนอร์ค่ะ”
“อินทีเรีย” เขาเลิกคิ้ว “ว้าว เจ๋งมากเลยนะ ผมทึ่งทุกครั้งเวลาเห็นอินทีเรียเปลี่ยนบ้านหลังหนึ่งไปเป็นอีกหลัง เหมือนใช้เวทมนตร์เลย”
“คุณพูดซะฉันภูมิใจเลย ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นคนทำบ้านหลังที่คุณพูดถึงก็เถอะ” ณัฐรัมภาหัวเราะ ขณะเดียวกันเธอก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจของเขา รู้สึกว่าเขาให้ความเคารพนับถืออาชีพของเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดตามมารยาท
“อาชีพคุณเจ๋งจริงๆ นะ คุณคิดดูสิ เสกบ้านเก่าๆ โทรมๆ ให้กลายเป็นบ้านใหม่ในแบบที่เจ้าของชอบได้ อาชีพที่ทำให้คนมีความสุขในการใช้ชีวิตได้นี่เจ๋งมากนะ” ดวงตาของเขาฉายแววชื่นชม “สำหรับผมนับถืออาชีพในสายของคุณเป็นพิเศษเลยนะ เพราะเวลาย้ายที่อยู่ผมมีปัญหาเรื่องนี้มาตลอด ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนสีไหนถึงจะเข้ากัน จนซื้อมาวางแล้วนั่นแหละถึงรู้ว่าพังพินาศ”
“ก็คงเหมือนที่ฉันนับถือคุณที่วิจัยเรื่องยากๆ ให้เป็นประโยชน์ต่อโลกใบนี้ได้แหละค่ะ ตอนเด็กๆ ฉันว่าอาชีพนักวิทยาศาสตร์เท่ดี แต่พอโตขึ้นถึงรู้ว่าเรียนไม่ได้แน่ๆ แค่เห็นตารางธาตุฉันก็เป็นลมแล้ว”
“คุณตกแต่งภายในพวกบ้านอะไรแบบนี้ใช่ไหม แล้วมีแนวที่ถนัดเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ฉันทำหมดแหละค่ะ ลูกค้าชอบแนวไหนก็คุยกันได้…ที่ถามนี่อย่าบอกนะว่ากำลังหาคนแต่งบ้านให้อยู่”
“ใช่ครับ” ณัฐนนท์รับทั้งรอยยิ้ม “มันต้องมีอะไรพิเศษแน่เลยผมถึงได้มาเจอคุณ คือผมเพิ่งซื้อบ้าน เป็นบ้านโมเดิร์นลอฟต์ กำลังคิดว่าจะหาคนมาตกแต่งภายในให้พอดี เพราะถ้าผมซื้อเฟอร์นิเจอร์เองบ้านคงดูเละเทะไม่ต่างจากคราวก่อนๆ”
สาวสวยจ้องหน้าเพื่อนใหม่ เมื่อครู่เธอก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ใครจะไปนึกว่าจะได้คำตอบแบบนี้
“คุณไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม”
“จริงจังทุกคำเลยครับ” ชายหนุ่มหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมากดบนหน้าจอสามสี่ทีแล้วยื่นมันให้เธอ “นี่ไงบ้านใหม่ของผม”
ณัฐรัมภารับมือถือเครื่องที่เมื่อคืนอยู่กับตนเองมา บนหน้าจอกำลังแสดงภาพบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ เท่าที่เห็นดีไซน์เก๋ไม่น้อยทีเดียว และจากประสบการณ์การทำงานทำให้เธอทราบในทันทีว่าราคาก็น่าจะแรงไม่น้อยด้วย…แต่มานึกอีกที เขาทำงานอยู่เมืองนอกตั้งสองปี แถมได้ทุนไปเรียนก็น่าจะเป็นระดับหัวกะทิ การมีเงินกลับมาซื้อบ้านที่ไทยก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก
“คุณทำบ้านโมเดิร์นลอฟต์แบบนี้ได้ใช่ไหม”
“ฉันเคยทำค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับถนัด ไม่ได้ทำบ่อยด้วย” หญิงสาวส่งโทรศัพท์คืนให้เขา “แล้วก่อนหน้านี้คุณได้มองดีไซเนอร์คนไหนไว้บ้างไหม”
“ยังเลยครับ ผมเพิ่งจัดการเรื่องซื้อขายเสร็จเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง…คุณรับทำได้ไหม”
“รับน่ะรับได้ค่ะ แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณปักใจ คุณควรลองหาดีไซเนอร์คนอื่นด้วย ลองดูพอร์ตโฟลิโอของแต่ละคนและลองคุยดูก่อนค่อยเลือก เรื่องบ้านนี่สำคัญมาก ควรจะได้แบบที่คุณถูกใจที่สุด” ณัฐรัมภาพูดอย่างเป็นงานเป็นการ
“โอเคครับ ผมจะหาคนอื่นด้วย” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แววชื่นชมฉายอยู่ในดวงตา “คุณจริงใจมากเลย”
“คุณพูดเองนี่ว่าอาชีพของฉันควรจะทำให้คนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อีกอย่างคุณโชคดีที่ช่วงนี้ฉันไม่ได้ร้อนเงิน” เธอพูดติดตลกปิดท้าย
สำหรับอาชีพในสายงานสถาปนิกหรือมัณฑนากร ต่อให้มีสังกัดบริษัทแต่ก็รับ ‘ฝิ่น’ หรืองานพิเศษนอกบริษัทกันเป็นเรื่องปกติ ในกรณีของเธอนั้น อาชวินผู้เป็นเจ้านายไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ ใครจะรับงานนอกอย่างไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่กระทบกับงานในบริษัทเขาก็ไม่มีปัญหา แต่ปกติถ้ามีคนติดต่องานมาแล้วเป็นงานใหญ่ที่ดูยุ่งยากเธอก็จะส่งต่อเข้าบริษัท สำหรับงานออกแบบตกแต่งภายในครั้งนี้ดูไม่ใหญ่โตก็ทำเองได้
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเธอไม่ได้รับงานนอกเลยเพราะขี้เกียจ บวกกับเริ่มมีคนคุยด้วย แต่ในเมื่อตอนนี้โสดสนิทแล้วก็หาเงินช็อปปิ้งดีกว่า
“บ่ายนี้คุณว่างไหมครับ เข้าไปดูที่บ้านกับผมได้หรือเปล่า ผมอยากให้คุณเข้าไปเห็นตัวบ้านของจริงเลย มีค่าใช้จ่ายก็ไม่เป็นไร ผมไม่มีความสามารถในการอธิบายอะไรแบบนี้จริงๆ แถมไม่มีรูปในบ้านให้คุณดูครบๆ ด้วยสิ”
“ก็ว่างอยู่ค่ะ บ้านคุณอยู่แถวไหนเหรอ”
ณัฐนนท์บอกชื่อหมู่บ้านกับย่านที่ตั้งให้เธอฟัง มันไม่ได้อยู่กลางใจเมือง แต่ในยุคนี้ก็ไม่ถือว่าไกลจนเดินทางลำบาก แถวนั้นมีรถไฟฟ้าผ่านแล้วด้วย
“โครงการนี้เอง ฉันเคยได้ยินชื่ออยู่นะ”
“งั้นเรามูฟไปกินมื้อเที่ยงเถอะ เสร็จแล้วเดี๋ยวไปดูบ้านกัน…คุณเลือกเลยครับว่าอยากกินอะไร”
หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่าย จากที่คิดว่าแค่ดื่มกาแฟ ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นการกินข้าวด้วยแล้ว แถมการปฏิเสธก็ดูไม่สมเหตุสมผลเสียด้วย
แต่ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องงาน มันก็ไม่ถือว่าเขาเจ้าเล่ห์มัดมือชกหรอกมั้ง…