ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 133 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 133

เมื่อสิ้นฮั่วจวินหวา ตามหลักหลิงปู้อี๋จะต้องไว้ทุกข์สามปี แน่นอนว่าฮ่องเต้ไม่มีทางยอมเลื่อนงานมงคลเป็นอีกสามปีให้หลัง จึงประกาศต่อคนรอบข้างว่ากำหนดแต่งงานเดิมจะไม่เปลี่ยนแปลง ให้บุตรบุญธรรมแต่งงานในช่วงแรกไว้ทุกข์ ฮองเฮาที่ไม่แคล้วเสียดายเอ่ยกับเฉิงเซ่าซางว่า “เช่นนี้พิธีแต่งงานของพวกเจ้าก็ไม่อาจจัดยิ่งใหญ่แล้ว”

เฉิงเซ่าซางชี้มือไปยังหยกทองคำต่วนแพรซึ่งจัดวางเต็มครึ่งโถงปีกพลางยิ้มกล่าว “ฮองเฮายังทรงคิดจะจัดยิ่งใหญ่เช่นไรอีกเพคะ พระราชทานสินเจ้าสาวเพิ่มให้หม่อมฉันตั้งมากเพียงนี้ ที่บ้านวางอย่างไรก็วางไม่พอแล้ว”

ยามนี้ห่างจากกำหนดแต่งงานอีกเพียงสิบวัน ฮองเฮาจึงส่งตัวเด็กสาวพร้อมด้วยสินเจ้าสาวส่วนเพิ่มเติมนี้กลับจวนสกุลเฉิงอย่างอาลัยอาวรณ์ ทั้งย้ำกำชับหลิงปู้อี๋ให้ทำตามจารีตประเพณี ห้ามแอบหนีไปพบหน้าเจ้าสาวก่อน หลิงปู้อี๋จับจูงมือว่าที่ภรรยาไว้ พิศมองนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยากเย็นแสนเข็ญที่จะหักใจแยกจาก

ฮองเฮายิ้มบ่นอย่างอดไม่ได้ “อย่าไม่เอาไหนเยี่ยงนี้สิ ต่อไปยังมีเวลาชั่วชีวิตให้ชมดูนาง…ฝ่าบาททรงเรียกหาเจ้า เฉินอันจือมาคอยอยู่ข้างนอกเป็นครึ่งวันแล้ว เจ้ายังมัวพิรี้พิไรอยู่อีก กำลังจะไว้ทุกข์ เจ้าต้องสะสางงานในมือให้เรียบร้อยก่อนส่งมอบออกไป เอาล่ะ รีบคลายมือเร็วเข้า เซ่าซางควรต้องไปแล้ว!”

เฉิงเซ่าซางนั่งบนเกี้ยวที่ฮองเฮาพระราชทานให้ ก่อนเหลียวมองกลับไปยังขั้นบันไดที่ทอดสูงของตำหนักฉางชิว ฮองเฮาอมยิ้มยืนอยู่ตรงกลาง โบกมือให้นางอยู่ไกลๆ ส่วนหลิงปู้อี๋ถูกขันทีสองคนขวางไว้ด้านข้าง ทำได้เพียงชะเง้อมองกลุ่มของนางซึ่งเคลื่อนไกลไปทีละน้อยอย่างอาลัยอาวรณ์ แสงตะวันรอนสีแดงทองลากเงาของเขาให้ทอดยาว ทิศทางที่มันเหยียดตัวกำลังชี้ไปยังเงาหลังที่จากไปของนางอันเป็นที่รัก

ขณะจะออกไปทางประตูซั่งซี เฉิงเซ่าซางแลเห็นองค์หญิงรองกับองค์หญิงสามได้แต่ไกล ยังมีองค์ชายสามในชุดขี่ม้าดูท่ากำลังจะออกจากวังอีกผู้หนึ่ง พี่สาวกับน้องชายร่วมอุทรทั้งสามคล้ายกำลังโต้เถียงกันอยู่

“…เรื่องเล็กแค่นี้เจ้าก็ยังอิดออด หากไม่ใช่เพราะพี่เขยรองเป็นหวัด ไม่อาจออกมาข้างนอก พวกเราก็ไม่มาหาเจ้าหรอก!” องค์หญิงสามขยี้เท้าโมโห

องค์ชายสามเพิ่มระดับเสียงอย่างหาได้ยาก “ข้าก็บอกไปแล้ว พี่ชายใหญ่เรียกข้าไปทำธุระ ช่วงหลายวันนี้ข้าต้องไปค่ายหงหลิ่วสอบสวนคนจำนวนหนึ่ง เรื่องเกิดฉุกละหุก นี่ข้าก็ต้องกลับจวนไปเก็บสัมภาระ มีเวลาไปเซ่นไหว้เป็นเพื่อนพวกท่านเสียเมื่อไร!”

องค์หญิงรองที่อยู่ด้านข้างเกลี้ยกล่อมน้องสาว “เอาล่ะ อย่าทำให้เจ้าสามลำบากใจเลย เขามีเหตุมีผลเสมอมา เห็นทีจะมีเรื่องด่วนจริงๆ พวกเราสองคนไปเองก็เหมือนกัน”

องค์ชายสามรีบประสานมือคำนับแล้วหมุนตัวจากไป องค์หญิงสามยังคงฉุนเฉียว บ่นระบายความไม่พอใจ องค์หญิงรองปรามอย่างไรก็ปรามไม่อยู่ จวบจนยามที่เฉิงเซ่าซางเข้ามาใกล้ก็ยังคงได้ยินองค์หญิงสามบ่น “…แต่เล็กมาเจ้าสามก็แล้งน้ำใจเยี่ยงนี้นี่ล่ะ! ต่อให้มีธุระสำคัญ เขาพูดจาน่าฟังกับพวกเราสักสองประโยคจะเป็นไรนักหนา! ฮึ รู้แต่แรกล่ะก็ ปีนั้นที่เขาถูกความเย็นเล่นงานจนไข้ขึ้นสูง ข้าจะใส่หวงเหลียน* เพิ่มในยาต้มของเขาสักสองกำมือ!”

เฉิงเซ่าซางก้าวลงจากเกี้ยว แล้วคลี่ยิ้มคำนับองค์หญิงทั้งสอง ยามยืดกายขึ้น นางได้รับสายตาจากองค์หญิงรองที่ต้องการให้นางพูดเบี่ยงไปประเด็นอื่น นางจึงรีบเอ่ยเย้า “เอ๋? ที่แท้องค์ชายสามทรงเคยถูกความเย็นเล่นงานจนไข้ขึ้นสูงด้วยหรือนี่ เข้าวังมานานป่านนี้ หม่อมฉันได้ยินมาตลอดว่าองค์ชายสามทรงแข็งแรงแต่วัยเยาว์ ประชวรเล็กไม่เป็น ประชวรใหญ่ไม่มี”

เห็นชัดว่าองค์หญิงสามที่เคยถูกฮ่องเต้กับเยวี่ยเฟยสั่งสอนอย่างหนักมีอารมณ์เย็นขึ้นมาก จนบัดนี้ไม่เคยกลั่นแกล้งเฉิงเซ่าซางอีก เพียงค้อนปะหลับปะเหลือกใส่หนึ่งหน “เจ้าสามไม่ใช่เทพเซียนสักหน่อย มีหรือจะไม่เจ็บไข้ ป่วยเล็กยังคงมีอยู่ ส่วนป่วยใหญ่น่ะหรือ…นี่ๆ พี่หญิงรอง มีแค่หนเดียวนั้นใช่หรือไม่”

องค์หญิงรองทบทวนความทรงจำครู่หนึ่ง ก่อนหลุดยิ้มตอบ “เจ้าพูดถูกเผงทีเดียว ดูเหมือนจะมีแค่หนนั้นจริงๆ”

องค์หญิงสามแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา “สมน้ำหน้า! ต้นฤดูวสันต์อากาศยังหนาวอยู่ พวกเราอยู่ในห้องกอดเตาอุ่น เขากลับบ้าบิ่นออกไปเพ่นพ่านส่งเดช เสื้อบนตัวเปียกหิมะไปกว่าครึ่ง สมน้ำหน้าแล้วที่ไข้ขึ้นสูง!”

เฉิงเซ่าซางหัวใจกระตุกวูบ จึงลองสอบถามดู “ขอองค์หญิงทั้งสองโปรดทรงชี้แนะ นี่เป็นเหตุการณ์ปีใดหรือเพคะ”

องค์หญิงสามกล่าวอย่างหงุดหงิด “เจ้าจะถามเยอะเยี่ยงนี้ทำอะไร…น่าจะสิบสอง อืม สิบสามปีก่อนได้”

องค์หญิงรองสั่นศีรษะ “ไม่ถูก เป็นสิบสี่ปีก่อนต่างหาก ปีนั้นการศึกเพลาลงบ้างแล้ว เสด็จพ่อหมายทำพิธีเซ่นไหว้ครั้งใหญ่ให้เสด็จปู่เสด็จย่าที่ด่วนล่วงลับไป พอผ่านวันหยวนเซียวจึงพาพวกเราไปสุสานตงไป่ เจ้าสามล้มป่วยที่นั่นเอง”

ในใจเฉิงเซ่าซางมีความคิดหนึ่งวาบขึ้นรางๆ ทว่ารางเลือนเสียจนคล้ายดั่งเงากลางหมอกทึบ แลเห็นแต่กลับคว้ากุมไว้ไม่อยู่

องค์หญิงรองเอ่ยด้วยความแปลกใจ “ไฉนเจ้าถามเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า”

เฉิงเซ่าซางหัวเราะแห้งๆ “หม่อมฉันเพียงถามไปเรื่อยเปื่อยเพคะ”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.1

บทที่ 7.1 วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ยามที่ซูโม่อี้ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผลที่ตามมาของอาการเมาค้างก็คือปากแห้งและ...

community.jamsai.com