ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 139-141 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

ทดลองอ่าน ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน บทที่ 139-141

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 139

แตกต่างจากการเกิดความคิดในยามจวนตัวและการลงมือเมื่อสบช่องเหมือนอย่างเฉินวั่งซูกับเหยียนเจวี๋ย ต่งหลีเห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวมาก่อนแล้ว ถึงได้สามารถงัดเอาหลักฐานที่ครอบคลุมปานนี้ออกมาได้

ฮ่องเต้มองขันทีใหญ่ที่ข้างตนเองปราดหนึ่ง ขันทีผู้นั้นปาดหยาดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนก้มหน้าเดินซอยเท้ายิกๆ ไปรับหลักฐานที่ต่งหลียื่นถวายโดยไม่มีเวลาให้สนใจว่าแส้ปัดติดอยู่บนชุดตัวยาวของตนเอง จึงไม่ได้สลัดออกไป

เขาเดินไปถึงเบื้องหน้าฮ่องเต้ ค้อมตัวใช้สองมือรองหลักฐานชูขึ้นถวาย

ดูราวกับว่าเขาเป็นผู้ที่เคารพนบนอบที่สุดตลอดมาก็มิปาน

เฉินวั่งซูมองเขาอย่างเหยียดหยามปราดหนึ่ง

ฮ่องเต้รับหลักฐานไปพลิกดู ก่อนจะมองไปที่อัครมหาเสนาบดีเกา “อัครมหาเสนาบดีเกา สกุลเกาของท่านมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้?”

อัครมหาเสนาบดีเกาก้าวมาข้างหน้าอย่างตาลีตาเหลือก ก่อนส่ายศีรษะ “กระหม่อมไม่ทราบ ในจวนกระหม่อมมีคนอยู่มากมาย เรื่องสตรีหลังบ้านไม่มีเหตุผลให้กระหม่อมสอดมือ หากมีเรื่องนี้จริง กระหม่อมก็ละอายใจ ขอฝ่าบาททรงลงโทษสถานหนักตามอาญาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฝ่าบาทพยักหน้า มุ่นหัวคิ้ว เริ่มเปิดดูอย่างละเอียด

เฉินวั่งซูเห็นแล้วก็แววตาวูบไหว ใช้เสียงไม่ดังไม่เบากล่าวว่า “วันนี้มิใช่มาเพื่อฉลองนิมิตมงคลหรือไร…ไฉน…”

นางพูดแล้วก็รีบยกมือปิดปาก มองไปยังเหยียนเจวี๋ยด้วยอารามตื่นกลัว เหยียนเจวี๋ยชูนิ้วทำท่าบอกให้นางเงียบ

เฉินวั่งซูประหนึ่งว่าถูกทำให้ตกใจเข้าแล้ว รีบก้มหน้าลง ก่อนจะเม้มปากแน่นทันที

เสียงนี้ของนางไม่ดังไม่เบา ในที่นี้จ้อกแจ้กจอแจจึงมิได้ดึงดูดความสนใจ หากแต่นางรู้ว่าคนที่ใส่ใจฟัง เป็นต้นว่าฮ่องเต้ เขาจะต้องได้ยินอย่างแน่นอน

เป็นไปตามคาด พอนางเอ่ยวาจานี้ออกไป หัวคิ้วของฮ่องเต้ก็ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม

มือของเขาบีบสมุดบัญชีนั้นไว้แน่น ประหนึ่งว่ามีเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากเย็น จึงตัดสินใจไม่ได้เสียที

เฉินวั่งซูแววตาวูบไหว อยากพูดเรื่องสุสานขององค์หญิงเฉิงอัน หากเรื่องนี้ถูกยกออกมา จะต้องเป็นเหมือนค้อนธอร์ ทุบองค์ชายสามเละไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูกอย่างแน่นอน

เกลือเถื่อน องค์ชายสามไม่มีทางวางกองไว้ในคลังเก็บของของตนเอง ทว่าถ้าสมบัติล้ำค่านั่นก็ไม่แน่แล้ว

เขาซ่อนของในสุสานขององค์หญิงเฉิงอันไว้ ใครจะไปรู้ว่ายังมีของคนอื่นด้วยหรือไม่

ทว่าบั้นท้ายนางเพิ่งจะออกห่างจากเก้าอี้ก็ได้ยินต่งหลีผู้นั้นเอ่ยปากอีกว่า

“เกลือเถื่อนนี้เป็นความผิดแรกที่ฝ่ายตรวจการต้องการฟ้องร้ององค์ชายสาม ความผิดนี้มีพร้อมทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ หากฝ่าบาทส่งคนไปเขาผิงซานในตอนนี้เพื่อสืบหาความจริงก็จะทรงทราบว่าที่กระหม่อมกราบทูลเป็นความจริงทุกประการ ไม่กี่ปีมานี้เขาผิงซานแห่งนั้นแทบจะถูกขุดจนกลวงแล้ว ทรัพย์สินเงินทองมหาศาลที่ได้มาจากการนี้ล้วนมีที่มาที่ไปไม่แน่ชัด”

ต่งหลีพูดพลางเดินไปหยุดเบื้องหน้าเฉินสี่หลิง “พระชายาองค์ชายสามเอาแต่ตรัสว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นพระชายาองค์ชายเจ็ดทรงใส่ร้ายท่าน เรื่องนี้ล้วนเป็นคำโกหกพกลม เนื่องจากผู้ที่ซุ่มอยู่ที่ท่าเรือเมื่อคืน นอกจาก…”

ต่งหลียกมือขึ้นชี้เกามู่เฉิง “นอกจากพระชายาองค์ชายเจ็ดและเกาฮูหยินแล้ว ยังมีผู้ตรวจการอย่างพวกกระหม่อมอยู่ด้วย ความจริงเป็นตามที่พระชายาองค์ชายเจ็ดตรัส พระชายาองค์ชายสามไปท่าเรือแห่งนั้นเพื่อติดต่อกับเถ้าแก่โจวจริงๆ เรื่องขายสินเดิมก็เป็นเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวเช่นกัน ทุกท่านโปรดดูหยกเขียวที่ห้อยอยู่ตรงอกพระชายาองค์ชายสามนี้”

เฉินสี่หลิงหน้าซีด อ้าปากคิดจะแก้ตัว

ต่งหลีกลับตัดบทนางอย่างเด็ดขาด “อย่าบอกว่าเป็นสินเดิมของพระชายา ตอนที่พระชายาองค์ชายสามออกเรือนได้อวดสินเดิมอยู่ถึงสามวัน รายการสินเดิม คนในเมืองหลินอันแทบจะมีอยู่คนละชุด หามาได้ไม่ยาก หยกเขียวนี้ล้ำค่ามากขนาดซื้อถนนในเมืองหลินอันได้หนึ่งเส้น ลือกันว่านี่เป็นของในสินเดิมของเทียนเป่าหนี่ว์ตี้ฮ่องเต้หญิงในสมัยโน้น ความมั่งคั่งของสกุลเดิมของเทียนเป่าหนี่ว์ตี้ในยามนั้นแม้แต่ในตำราประวัติศาสตร์ยังหาได้น้อยยิ่ง พระชายาองค์ชายสาม ท่านกล้ารื้อจี้หยกพกนี้ออกมาสวมเชียวหรือ”

เฉินสี่หลิงใช้มือหนึ่งกุมจี้หยกพกนั้นไว้ ก่อนพลันถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

ต่งหลีมองนางปราดหนึ่ง หาได้คาดคั้นไม่ เนื่องจากท่าทางของนางได้ตอบคำถามทั้งหมดด้วยตนเองแล้ว

“นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งในบรรดากำไรจากเกลือเถื่อนเท่านั้น เงินที่เหลือล้วนไปที่ใดแล้ว” ต่งหลีพูดพลางชะงักเล็กน้อย เว้นช่องให้คนคิดตามไปไกล

เฉินวั่งซูฟังมาถึงตรงนี้ก็นั่งกลับลงไปเต็มบั้นท้าย นางรู้สึกว่าคืนนี้ไม่มีโอกาสให้นางได้ออกโรงแสดงแล้ว ต่งหลีผู้นี้ไม่รู้เป็นอัจฉริยะที่กระโดดออกมาจากหินก้อนใด

การกราบทูลรายงานความผิดครั้งนี้ของเขา ไม่ว่าโอกาสหรือจังหวะล้วนมิมีที่ติ หากมิใช่เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้ว ก็ต้องเป็นปรมาจารย์แต่กำเนิด นางนึกว่าตนเองนับเป็นคนร้ายกาจแล้ว แต่ครั้นมาถึงแคว้นต้าเฉินนี้

ถึงได้พบว่าทุกคนล้วนเป็นราชาจอเงิน ทุกคนล้วนเป็นพวกเจ้าอุบาย

“ขณะช่วงปีใหม่เมื่อปีกลายฝ่าบาทยังทรงจำได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ แถบเยี่ยนตี้ปรากฏโจรภูเขาบนหลังม้า ขุนนางรายงานขึ้นมา องค์ชายสามทรงขันอาสามุ่งหน้าไปปราบโจร ริบม้าศึกจำนวนมากได้จากในค่ายของพวกเขา”

ครั้นคำว่า ‘ม้าศึก’ ถูกกล่าวออกมาองค์ชายสามก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป เขาพลันพุ่งตัวมาคำรามใส่ต่งหลี “ต่งหลี ข้ารู้ว่าเจ้าอาฆาตแค้นข้ามาตลอดเพราะเรื่องที่บิดาเจ้าหายตัวไป เนื่องจากเวลานั้นเขาคิดจะฟ้องร้องข้า จึงออกจากเมืองไปหาหลักฐาน แต่ก็มิได้กลับมาอีกเลย แต่ว่าข้าไม่ได้ทำร้ายบิดาเจ้า ไยเจ้าต้องอาศัยเรื่องส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว ใส่ร้ายป้ายสีข้าทุกทาง”

ต่งหลีส่ายหน้าเอ่ยว่า “บิดากระหม่อมหายตัวไประหว่างทางไปเขาผิงซานจริง แต่พวกกระหม่อมเป็นผู้ตรวจการ เกิดมาเพื่อแหย่เท้าที่เจ็บปวดของผู้อื่น ขุดความลับที่บอกใครไม่ได้ของผู้อื่นออกมา บิดาพลีชีพเพื่อบ้านเมือง กระหม่อมต่งหลีเคารพนับถืออย่างยิ่ง อีกทั้งยังตั้งสัตย์สาบานว่าจะยึดบิดาเป็นแบบอย่าง ทำหน้าที่ตรวจสอบสอดส่องซึ่งผู้ตรวจการพึงกระทำให้ดี ไม่ว่าเป็นองค์ชายสาม เป็นองค์ชายองค์อื่นๆ หรือแม้แต่ทหารยามหน้าประตูวัง ขอเพียงเขามีข้อบกพร่องในหน้าที่ หรือขอเพียงเขากระทำการขัดต่อกฎหมายแคว้นต้าเฉิน เช่นนั้นการทำให้เขาแก้ไขสิ่งผิด ทำให้เขาได้รับโทษทัณฑ์ ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายตรวจการของพวกกระหม่อม องค์ชาย ความผิดมิควรกระทำซ้ำสามท่านไม่แบ่งแยกเรื่องส่วนรวมและส่วนตัว มิได้หมายความว่าผู้อื่นจะล้วนเป็นเหมือนกับท่าน ผู้ตรวจการถวายฎีกากราบทูล โปรดอย่าสอดปากตามอำเภอใจ ตัดบทตามอำเภอใจอีก”

เขาพูดจบก็กล่าวต่อไปว่า “แคว้นต้าเฉินเราตั้งอยู่ทางใต้ แทบจะไม่มีที่เลี้ยงม้า โจรภูเขาบนหลังม้ากระจอกๆ จะมีม้าศึกมากกว่าและดีกว่าในกองทัพต้าเฉินได้อย่างไร ในจุดนี้เวลานั้นมีคนเกิดความสงสัย แต่กลับถูกกลบไป คนส่วนใหญ่ล้วนชมว่าองค์ชายสามมีบุญญาธิการเทียมฟ้า ท่านกับฝ่าบาทเปรียบประดุจดวงตะวันจันทราส่องสว่างคู่กันบนฟากฟ้า ยามนั้นฝ่าบาททรงโสมนัสอย่างมาก จึงโปรดให้องค์ชายสามคุมอาวุธยุทโธปกรณ์”

ขณะต่งหลีกล่าววาจา ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ ทุกครั้งที่เขาพูดคำหนึ่ง ใบหน้าของฮ่องเต้ก็จะดำลงหลายส่วน

“ม้าศึกมาจากที่ใด ค่ายบนเขานั้นถูกเผาวอดวายไปแล้ว มิมีที่ให้เริ่มสืบ แต่ทว่าในเส้นทางค้าเกลือทั้งสี่เส้นขององค์ชายสาม มีสามเส้นมุ่งลงใต้ แต่กลับมีเส้นหนึ่งมุ่งขึ้นเหนือ นั่นคือเส้นทางของสกุลหยาง”

ครั้นวาจานี้ถูกกล่าวออกมาทั้งโถงก็เกิดเสียงดังเซ็งแซ่

เกลือเถื่อนอะไรนั้น แม้จะเป็นพฤติการณ์บ่อนทำลายบ้านเมือง แต่กล่าวตามตรงปัจจุบันแคว้นต้าเฉินผุพังไปหมด ใครไม่แอบลักลอบทำเรื่องตักตวงผลประโยชน์อย่างลับๆ กันบ้าง จะอย่างไรบัดนี้ก็เสียดินแดนไปครึ่งหนึ่งแล้ว บรรดาศักดิ์เปล่าๆ ก็มีมาก

ขณะเหล่าชนชั้นสูงอพยพลงใต้ คิดแต่การหนีเอาชีวิตรอด ทำของล้ำค่าสูญหายไปจำนวนมาก พระมีมาก โจ๊กมีน้อย หากต้องการรักษาชีวิตอันหรูหราสุขสบายไว้ก็ต้องตักตวงผลประโยชน์จากทุกทาง

องค์ชายสามเห็นเงินแล้วตาโต ตักตวงมากเกินไป…พวกเขาได้ยินแล้วแม้จะโกรธแค้น แต่ส่วนลึกภายในใจถึงขนาดลอบนึกอิจฉาอยู่หน่อยๆ

ทว่าเรื่องมุ่งขึ้นเหนือแม้จะน่าสนใจ แต่ยุ่งมิได้แล้ว

เริ่มจากเรื่องใช้ไสยศาสตร์เปลี่ยนชะตาชีวิต ถัดมาก็เรื่องเกลือเถื่อน เรื่องม้าศึก มีการติดต่อกับดินแดนทางเหนือ…

ต่งหลีก็คือหมาป่าเดียวดายที่ดุร้ายที่สุดบนทุ่งหญ้า รอเวลาเคลื่อนไหว พอได้สำแดงฝีมือทีก็ทุบคนตายพร้อมตอกฝาโลง

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ตัวร้ายต้องสวมบทบาทอยู่ทุกวัน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

community.jamsai.com