“นามปากกาเพราะดี แปลกด้วย จะอ่านจริงเหรอเรา” คุณบุหลันหันกลับมาถามถึงหนังสือในมือ
“อ่านสิแม่ ซื้อมาแล้วนี่ ว่าแต่หมดเนี่ยหกพัน…แม่รับปากเป็นเจ้ามือให้ตาณแล้วนะ”
“จ่ายไปก่อนสิ เอาไว้มีแล้วแม่จะคืนให้” คุณบุหลันตอบหน้าตายโดยไม่ให้คำมั่นว่าจะคืนให้เมื่อไร อย่างไร ตามองบรรดาหนังสือทั้งหลายของลูกชายที่แม้จะแพงหนักหนา แต่ก็รู้ว่าตาณจะอ่านและถนอมเป็นอย่างดี
รสนิยมหนึ่งที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนของตัวเองและลูกชายคนเดียวคนนี้เห็นจะเป็นเรื่องการอ่าน เสียเท่าไรเท่ากัน หลายครั้งที่เงินหมดกระเป๋าก็เพราะหนังสือ แต่คุณบุหลันกลับไม่คิดว่าเป็นการเสียแต่ฝ่ายเดียว
…ความรู้…ใช้เงินซื้อหาความรู้ใส่ตัวไม่ใช่การเสียเปล่าแน่ ไม่อย่างนั้นท่านจะมีเรื่องราวให้ถ่ายทอดและเลี้ยงลูกมาจนป่านนี้ได้หรือ
“ไม่ต้องคืนตาณก็ได้แม่ คืนแบงก์แล้วกัน สิ้นเดือนใบทวงหนี้ส่งมาแล้วตาณจะเอามาให้”
พ่อตัวดียิ้มระรื่นรีบยื่นกำหนดเวลาหมับ ไม่เปิดช่องว่างให้เสียโอกาส จนคนเป็นแม่เริ่มลังเลแล้วว่าไอ้ที่คิดว่าเป็นแม่ เป็นผู้นำครอบครัวนั้น ทุกวันนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า
โลกข้างนอกหมุนเร็วขึ้น ลูกชายโตขึ้น ความคิดความอ่านก็เริ่มจะกลายเป็นล่วงหน้าแม่ไปหลายขั้นรำไรแล้ว
“วันนี้แม่จะไปงานเลี้ยงที่ไหน เดี๋ยวตาณขับรถให้เอง เสร็จงานแล้วแม่ก็โทรเรียก แล้วตาณจะรีบบึ่งไปรับเลย รับรองว่าแม่รอไม่นาน”
คุณบุหลันยิ้มให้ลูกชาย ในขณะที่โลกของตาณหมุนไปข้างหน้า…ไวขึ้น โลกของท่านทำท่าจะหมุนกลับช้าๆ จากที่เคยได้ดูแลรับส่ง วันนี้ต้องกลายเป็นฝ่ายได้รับบ้างแล้ว
“รออยู่ที่งานก็ได้ ไม่ต้องวกรถไปมาหรอก”
คุณบุหลันไม่ชวนลูกชายเข้าไปในงานด้วยกันเพราะรู้ว่าเจ้าตัวไม่ชอบเป็นจุดสนใจจนกลายเป็นคนไม่ชอบอยู่ใกล้สื่อมวลชนสักเท่าไหร่ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้ต้องส่ายหน้าไม่รู้จะว่าอย่างไร
“ไม่เอาดีกว่า ตาณว่าจะแวะไปหาพี่เพชรสักหน่อย เห็นว่าวันนี้จะออดิชั่นนักร้องใหม่ที่ผับ สาวๆ ในงานที่แม่ไปตาณเห็นในทีวีบ่อยๆ อยู่แล้ว ไปดูหน้าใหม่ดีกว่า”
นั่นปะไร โลกของลูกชาย…วันนี้นอกจากจะหมุนไวกว่าคนเป็นแม่แล้ว ยังดูเหมือนว่าจะหมุนในมุมและทิศที่แม่อย่างท่านอยากจะหยิกเหน็บเข้าให้เสียทีจริงๆ
กระท้อนลอยแก้วหมดถ้วยในเวลาไม่นานนัก มารดาแยกไปแต่งตัวเตรียมไปงานเลี้ยงค่ำนี้ ทำให้ตาณได้มีโอกาสนอนเอกเขนกตรงมุมโปรดริมระเบียง ที่มองออกไปจะเห็นกอกุหลาบสีขาวซึ่งกำลังผลิดอกอวดทั้งรูปและกลิ่นหอมกรุ่นจนฟุ้ง มือใหญ่ขยับรื้อหนังสือที่ขนซื้อมาเปิดอ่าน แต่แทนที่จะหยิบเท็กซ์บุ๊กอย่างเคย กลับหยิบนิยายปกสีน้ำมาพลิกอ่านคำโปรยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ตาณเหลือบตาไปมองต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของมารดาที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะก็เลิกสนใจ เลื่อนสายตากลับมายังตัวหนังสือที่อ่านค้างต่อ ไม่คิดจะเดินไปหยิบมามองหรือรับแทน ตั้งใจทิ้งไว้ให้กลายเป็นหมายเลขที่ไม่ได้รับเพื่อให้เจ้าของเครื่องได้เห็นเองแม้ว่ามันจะดังต่อมาอีกพักใหญ่ แต่พอเงียบไป โทรศัพท์บ้านที่มุมห้องก็ดังขึ้นแทนที่
ถึงอย่างนั้นตาณก็ยังเลือกที่จะไม่ขยับตัว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเด็กสาวรูปร่างท้วมวิ่งเข้ามารับสาย กระทั่งได้ยินเสียงค่ะๆ และขอให้คอยสักครู่จึงเงยหน้าไปมอง
“ใครเหรอเอ๋”
“คุณพัฒน์โทรหาคุณท่านค่ะ”
ร่างสูงขยับเปลี่ยนอิริยาบถจากอาการทอดตัวนอนสบายมานั่งตัวตรงทันทีเมื่อได้ยินว่าใครโทรเข้ามา พลางพยักหน้าให้เอ๋ที่บอกว่าจะไปตามมารดาของเขาเป็นเชิงอนุญาต