บทที่หนึ่ง
ในยามที่ดวงอาทิตย์คล้อยไปทางทิศตะวันตก ปรากฏฝุ่นทรายสีเหลืองลอยกระจายฟุ้งริมสองข้างทาง หนึ่งคนหนึ่งม้าควบตะบึงมาอย่างรวดเร็ว
วันนี้เป็นวันตลาดนัดของเมืองเล็กๆ บริเวณชายแดนแห่งนี้ เพราะใกล้สิ้นปีแล้ว ตลาดนัดจึงคึกคักกว่าที่ผ่านมา อานม้า บังเหียน เสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ นับได้ว่ามีทุกอย่างที่ควรมี เสียงกีบเท้าม้าที่ดังอย่างเร่งรีบดึงดูดสายตาผู้คนให้ทยอยมองไปตามๆ กัน ม้าตัวนั้นแข็งแรงกำยำ บนหลังม้าคือบุรุษอ่อนเยาว์สวมชุดสีเขียวผู้หนึ่ง มือซ้ายกดดาบ มือขวากุมบังเหียน บริเวณหว่างคิ้วดูเฉยชา คล้ายกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ทุกคนต่างเบี่ยงตัวหลบทางให้เขา เพียงชั่วพริบตาม้าก็วิ่งผ่านเส้นทางคับแคบที่เรียงรายไปด้วยแผงสินค้า เหลือไว้เพียงฝุ่นฟุ้งลอยคละคลุ้ง
ผู้คนมองร่างที่ห่อหุ้มไปด้วยฝุ่นพร้อมส่ายหน้า ในเวลาสั้นๆ ตลาดนัดก็กลับมาอยู่ในบรรยากาศผ่อนคลายท่ามกลางความวุ่นวายอีกครั้ง
ภายในร้านน้ำชาเล็กๆ แห่งหนึ่งริมถนน มีคนนั่งพักกระจัดกระจายอยู่ห้าหกคน บุรุษที่แต่งกายเป็นนายพรานเคาะกระบอกยาสูบ เอ่ยปากขอยืมที่จุดไฟจากชายชราซึ่งนั่งดื่มชาอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่ด้านข้าง ขณะสายตาพยักพเยิดไปทางแผ่นหลังของบุรุษอ่อนเยาว์บนหลังม้าผู้นั้น ชวนพูดคุย “ดูท่าจะเป็นคนจากเมืองหลวง”
“ใช่กระมัง องค์หญิงสิบสามกำลังเสด็จมาแล้ว เมื่อวานแม่ทัพจ้าวได้ถ่ายทอดคำสั่งให้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ต้องเพิ่มความเข้มงวดภายในเมือง ห้ามผู้คนออกมาเดินเล่นบนถนน เพราะองค์หญิงจะเสด็จออกนอกชายแดนจากที่นี่” ชายชราจิบชาไปอึกหนึ่ง ก่อนจะเล่าเสียงราบเรื่อย
“โอ๊ะ! บอกตามตรงนะท่านปู่ ข้าโตมาจนอายุปูนนี้ยังไม่เคยเห็นขุนนางท้องถิ่นมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้องสาวของฮ่องเต้ ได้ยินคนในเมืองหลวงเล่าลือกันว่าองค์หญิงพระองค์นี้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า…”
“เหอะ!” ชายชราส่ายหน้าอย่างไม่แยแส “แล้วจะอย่างไร ต่อให้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็ถูกส่งไปแต่งเป็นชายาประมุขข่านของตาเฒ่าอายุห้าสิบสามอยู่ดี”
“ฮ่า ท่านปู่กำลังอิจฉาอยู่หรือนี่ อิจฉาอยู่ชัดๆ” เอ่ยจบก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา
ชายชราสำลักเบาๆ กระแอมไอพูดว่า “ตาเฒ่าหูตี๋รับมือยากยิ่งกว่าข้ามากนัก ข้าดูแล้ว ไม่เห็นนี่จะเหมือนการแต่งงานที่ตรงไหน ทหารมากมายถึงเพียงนี้ ต่อให้แต่งไปแล้วก็ใช่ว่าจะจบปัญหาได้ แค่กๆ”
นายพรานผู้นั้นตื่นตกใจ ถามเสียงเบาด้วยสีหน้าอมทุกข์ “อะไรกัน หรือว่าจะมีสงครามอีกแล้ว?”
“พูดยาก ตอนนี้ทหารม้าชาวหู หนึ่งแสนนายตั้งทัพอยู่ที่ชายแดนทางเหนือของเยี่ยนโจว ซิวถูอ๋องที่เป็นผู้นำทัพคือแม่ทัพอันดับหนึ่งของประมุขข่านหูตี๋ ปีนั้นที่เขายกทัพบุกเข้าโจมตีเมืองทางใต้ของเยี่ยนโจว เข่นฆ่าไปตั้งกี่คนกันเล่า” ชายชราลูบหน้าอก
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนที่นั่งฟังอยู่ต่างก็รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้