บทที่สาม
เมื่อเดินอ้อมสันเขาลูกนั้นก็ปรากฏพื้นที่โล่งกว้าง ห่างออกไปมีป่าไม้ดกครึ้ม มองเห็นสะพานไม้และกระท่อมฟางหลายหลัง ทั้งหมดตั้งอยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปราย แลดูบริสุทธิ์และเงียบสงบ เมื่อเห็นภาพทิวทัศน์งดงามเช่นนี้ เฉิงตั๋วก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จึงเอ่ยปากชื่นชม “เป็นสถานที่ที่ดี”
ยังไม่ทันได้พูดจบก็ได้ยินเสียงลมพัดมาข้างหู เฉิงตั๋วสะกิดปลายเท้า เบี่ยงตัวหลบวูบ แส้เหล็กยาวเก้าฉื่อเส้นหนึ่งสะบัดผ่านข้างลำตัวเขาไปสามชุ่น ปลายแส้หักเลี้ยวกลับมาโจมตีเขาอีกครั้ง อาวุธเส้นนี้ทั้งแข็งแรงและยืดหยุ่น เฉิงตั๋วไม่กล้ารับมือตรงๆ ได้แต่เบี่ยงตัวหลบอีกครั้ง คนตัดไม้บิดข้อมือด้วยท่วงท่าสง่างาม ตัวแส้กลายเป็นเงาบุปผารวบเก็บกลับมาในมือ
เฉิงตั๋วถึงเพิ่งมองเห็นชัดว่าแส้เส้นนั้นมีสีหิมะสว่างไสว หลอมขึ้นจากเหล็กกล้า เชื่อมต่อกันเป็นข้อๆ แม้จะเป็นเหล็กทว่าโอนอ่อนไร้เทียมทาน แค่เพียงกระบวนท่าเดียวก็บ่งบอกถึงกำลังภายในนับสิบปีของผู้ใช้ คนตัดไม้ถอดงอบออก ยืนตระหง่านดั่งต้นไผ่อยู่ท่ามกลางประกายหิมะพร้อมแย้มยิ้ม “ท่านออกมาข้างนอกตามลำพัง ไม่พกอาวุธมาป้องกันตัวหน่อยหรือ”
เฉิงตั๋วที่ก้าวถอยหลังติดกันสองก้าวอย่างไม่ทันรับมือ ยามนี้เมื่อถูกถามก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ทว่ายังคงยิ้มตอบ “อาวุธของข้าแหลมคมเกินไป ไม่สะดวกนำออกใช้ตามใจชอบ”
คนตัดไม้พยักหน้า เอ่ยห้วนสั้น “ระวัง” ยังพูดไม่ทันจบตัวแส้ก็พุ่งมาดุจงูตัวยาว เฉิงตั๋วอยู่ในสนามรบพบเห็นแต่คมดาบจนเคยชิน เมื่อเผชิญกับสิ่งของที่ไม่เฉียบขาดเช่นนี้จึงถึงกับรับมือไม่ถูกอยู่บ้าง ได้แต่ถอยหลบอย่างต่อเนื่อง
คนตัดไม้บ้างใช้ศอกพัน บ้างใช้มือคว้า บ้างใช้เท้าเหยียบ แส้เหล็กประเดี๋ยวสั้นประเดี๋ยวยาว เสมือนเป็นหนึ่งเดียวกันกับร่างกาย ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ มุ่งแต่โจมตีเข้าใส่เฉิงตั๋ว เขาทำได้เพียงหลบหลีก กระทั่งถึงกับหลบไปแล้วยี่สิบแปดกระบวนท่า เฉิงตั๋วลอบประหลาดใจ เพราะไม่เคยพบเห็นผู้ใดใช้สิ่งที่ยืดหยุ่นระดับนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เขาพลันสูดลมหายใจเข้าลึก กระโดดอ้อมไปโจมตีด้านหลังอีกฝ่าย
โดยไม่ต้องหันตัวกลับ แส้เหล็กในมือคนตัดไม้ก็ตวัดไปทางด้านหลัง ปะทะถูกฝ่ามือเฉิงตั๋วเข้าเต็มๆ เขายิ้มพูดว่า “หากวันนี้ข้าเอาชนะท่านได้ ท่านจะคิดอย่างไร”
ในเมื่อมีใจเอ่ยปากหยอกล้อแสดงว่าย่อมมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ เฉิงตั๋วมองหาช่องโหว่ของกระบวนท่าเขาพร้อมตอบ “ครั้งนี้ออกจากบ้านมาโชคไม่ดี ครั้งหน้าคงต้องดูปฏิทินโหร” ในหัวเขามีความคิดมากมายวาบผ่านในชั่วพริบตา หากคว้าจับแส้เส้นนั้นเล่า ย่อมถูกพันมืออย่างแน่นอน แต่หากฝืนสู้ด้วยกำลังภายในก็จะต้องมีคนบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คนตัดไม้ถามต่อ “อาวุธของท่านฆ่าคนได้ง่าย อาวุธของข้ากลับไม่ง่าย เหตุใดท่านจึงไม่ออกกระบวนท่าสังหารเล่า”
เฉิงตั๋วเคลื่อนกำลังภายในมาที่ฝ่ามือ ในที่สุดก็ยังคงคว้าแส้เส้นนั้นเอาไว้ ขุมพลังสายหนึ่งไหลผ่านมาตามแส้ เขาบิดข้อมือ ดึงแส้เอาไว้แล้วถามกลับ “เจ้าใช้อาวุธเช่นนี้แสดงว่าไม่คิดฆ่าคน เหตุใดข้าต้องลงมือด้วย”
คนตัดไม้มองคนตรงหน้านิ่ง คล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่าง เฉิงตั๋วสะบัดมือปล่อยแส้ออก คนตัดไม้จึงเขย่าด้ามจับ เก็บแส้กลับมาในแขนเสื้อ เขายืนนิ่งเงียบอยู่สักพักถึงหันตัวเดินไปทางกระท่อม หลังเดินไปไม่กี่ก้าวก็พลันหยุดอีกหน บนพื้นหิมะกว้างขวาง คนตัดไม้เก็บงอบขึ้นแล้วหันหน้ากลับมายิ้ม พูดท่ามกลางความเงียบสงัดรอบด้าน “ห่างออกไปไม่ไกลคือบ้านของข้า ท่านเต็มใจเข้าไปดื่มชาหรือไม่”