เฉิงตั๋วยิ้มอย่างใจกว้าง “เจ้าเป็นศัตรูกับข้าได้เลยเต็มที่ ข้ามีแต่กลัวว่าจะไร้ศัตรูแล้วโดดเดี่ยว ไม่เคยกลัวการมีศัตรูเยอะมาก่อน”
ตงฟางมองประเมินเขาเงียบๆ ครู่ใหญ่ ก่อนถามด้วยสีหน้าจริงจัง “กระหม่อมขออาจหาญถามว่าปณิธานของท่านอ๋องคืออะไร”
เฉิงตั๋วยังคงยิ้ม “เปลี่ยนเป็นผู้อื่นอีกร้อยคนก็ไม่มีใครกล้าถามข้าเช่นนี้ น้องหรานจือช่างกล้าถามจริงๆ”
“กระหม่อมมิใช่ผู้ชอบสนทนาอย่างไร้ความหมาย จึงขอถามให้กระจ่างเสียตั้งแต่ตอนนี้ ท่านอ๋องโปรดตอบมาตามตรง”
เฉิงตั๋ววางจอกสุราลงช้าๆ พยักหน้าพูดว่า “ดี ตำแหน่งของข้าในตอนนี้ จากความสัมพันธ์ของข้ากับฝ่าบาท หากต้องพูดถึงปณิธานก็นับเป็นการล่วงเกินอย่างมากแล้ว แต่ปณิธานในตอนนี้ของข้ามีเพียงการขับไล่ชาวหู อย่างน้อยสามสิบปี” มือซ้ายของเขาชูสามนิ้วขึ้น “ทำให้ชาวหูไม่มีกำลังบุกลงมาทางใต้ไปสามสิบปี”
ปณิธานนี้ของเขาเอ่ยด้วยถ้อยคำถ่อมตน ทว่าเป้าหมายกลับเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน เฉิงตั๋วเก็บมือลง “วาจากล่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว ในเมื่อน้องหรานจือคุ้นเคยกับสถานการณ์ของชายแดน เหตุใดจึงไม่ออกจากภูเขามาช่วยข้าเล่า”
ตงฟางที่ฟังเขาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมมาโดยตลอด ยามนี้คลี่ยิ้มบางๆ “ได้ หากข้าไม่ช่วยท่านก็คงไม่มีผู้ใดช่วยได้อีก”
ท่าทางของเขาดูไม่ใส่ใจ ทว่ากลับทำให้เฉิงตั๋วมองออกถึงความจริงใจสามส่วน หากคนมีเป้าหมายไม่บริสุทธิ์ อากัปกิริยาไม่มีทางผ่าเผย เฉิงตั๋วมาเพื่อดึงตัวผู้มีความสามารถเป็นพวก ไม่มีทางมาอย่างไม่เตรียมการ ถ้าตงฟางมีเป้าหมายเพื่อค่าตอบแทน เขาไม่มีทางรับปากอย่างสบายใจผ่าเผยเช่นนี้
เฉิงตั๋วไม่ได้ถามถึงปณิธานของตงฟาง เพราะว่านั่นเป็นเรื่องที่เกินความจำเป็นอย่างเห็นได้ชัด เขาเพียงยิ้ม รินสุราให้อีกฝ่ายแล้วยกจอกสุราขึ้น “เช่นนี้ ข้าขอดื่มให้น้ำใจของน้องหรานจือ”
ทั้งสองคนต่างดื่มสุราหมดจอก
งานเลี้ยงสุราครั้งนี้ดื่มกันจนถึงช่วงพลบค่ำ ทั้งแขกและเจ้าภาพกลับยังคึกคักไม่สร่าง กระทั่งยามจุดเทียนก็ยังคงสนทนากันต่อ
คืนนั้นเฉิงตั๋วยืมกระท่อมฟางของตงฟางนอน เช้าวันรุ่งขึ้น หิมะที่ตกมาหลายวันได้หยุดลงแล้ว เฉิงตั๋วบอกลาเตรียมจากไป ตงฟางเอ่ยว่า “พี่สีเจี้ยนเดินตามถนนเส้นเล็กไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ภายในหนึ่งชั่วยามจะถึงเมืองผิงเหยา”
เฉิงตั๋วประสานมือ “ค่ายใหญ่เยี่ยนโจวรอการมาเยือนของเจ้าอยู่” ตงฟางผงกศีรษะรับน้อยๆ ส่วนเฉิงตั๋วขึ้นหลังม้า กลับตัวแล้วจากไปทันที
หมิงจียังคงแอบอยู่ข้างหลังตงฟาง รอเขาจากไปไกลแล้วจึงถามขึ้น “เขาเก่งกาจมากหรือ”
ตงฟางตอบ “เก่งกาจมาก”
หมิงจีถามต่อ “เก่งกาจกว่าพี่อีกหรือ”
ตงฟางยิ้ม “เก่งกาจกว่า”