หลังผ่านไปสักพัก กู่หลีอ๋องก็นำผู้ติดตามจำนวนยี่สิบคนเข้ามาในค่ายใหญ่ ภายในค่ายเงียบสนิทไร้เสียง หยางโหย่วหลินนำเขาไปถึงกระโจมกลาง กู่หลีอ๋องอายุเพียงสี่สิบปี สวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกหรูหรา เขาไม่ได้สนใจสายตาจับจ้องของทหารรอบด้าน เดินเชิดหน้าเข้าไปในกระโจม แล้วก็พบกับเฉิงตั๋วซึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะยาวอย่างเย่อหยิ่ง สายตาสองคู่มองสบกัน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ยอมเปิดปากก่อน
หลังประจันหน้ากันสักพัก กู่หลีอ๋องก็กดมือขวาลงบนอกซ้าย ค้อมตัวคำนับเฉิงตั๋วก่อน เขาเอ่ยคำพูดออกมาชุดหนึ่ง เฉิงตั๋วฟังออกแค่บางคำ โดยคร่าวๆ คือการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ บอกว่าตนมาขอยอมแพ้ อะไรทำนองนี้ เฉิงตั๋วหันไปสั่งอาซือไห่ “สนทนาตามมารยาทกับเขาสั้นๆ บอกเขาว่าความจริงใจของเขา ข้ารับรู้แล้ว ให้เขานั่งลงเถอะ”
อาซือไห่ใช้ภาษาหูถ่ายทอดออกไป สีหน้าของเฉิงตั๋วกับกู่หลีอ๋องต่างเปลี่ยนไปเป็นจริงใจอย่างสุดซึ้ง หลังกู่หลีอ๋องนั่งลง ทั้งสองคนก็เริ่มเจรจากันเรื่องขอยอมแพ้ คนกับม้าจะจัดการอย่างไร จะป่าวประกาศอย่างไร เป็นต้น เฉิงตั๋วเป็นมิตรอย่างมาก หลังพูดคุยเสร็จยังจะจัดงานเลี้ยงสุราให้กู่หลีอ๋องอีกด้วย
ชั่วขณะหนึ่งภายในค่ายทหารเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น ทุกคนร่ำสุราอยู่ที่สนามฝึกซ้อมกลางค่ายอย่างสนิทสนมกลมเกลียว แม้จะคุยกันไม่รู้เรื่อง ทว่าต่างฝ่ายต่างก็มีความสุข งานเลี้ยงสุราเริ่มตั้งแต่ยามบ่ายไปจนถึงพลบค่ำ เฉิงตั๋วนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน มึนเมาเล็กน้อย มือถือจอกสุรา ชมดูทหารที่อยู่ด้านล่างรำดาบ ไม่ได้สนใจชาวหูที่เดินเล่นไปมาภายในค่าย
ผู้ใต้บังคับบัญชาสองนายซึ่งเป็นรองแม่ทัพของกู่หลีอ๋องเดินออกจากงานเลี้ยงไปเข้าห้องน้ำ เดินวนรอบหนึ่งก็นั่งยองๆ ลงข้างสนามฝึกซ้อม พูดคุยหัวเราะกันเสียงเบา สีหน้าท่าทางตื่นเต้นอย่างมาก ทว่าคุยกันไปสักพักก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อหันมองไปรอบๆ ก็พบว่าห่างออกไปไม่ไกลมีกระโจมหลังหนึ่งซึ่งมีธงเหยี่ยวอยู่บนยอด ที่หน้าประตูกระโจมมีสตรีในชุดขาวรูปร่างบอบบางผู้หนึ่งยืนอยู่ ครึ่งตัวซ่อนอยู่หลังม่านกระโจม มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัด ทว่าคล้ายจับจ้องมาที่พวกเขาตาไม่กะพริบ คนทั้งคู่สนทนากันต่ออีกสักพัก สตรีผู้นั้นก็ยังคงมองอยู่ ทั้งสองคนนึกสงสัยอยู่ในใจ ก่อนจะพากันลุกเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง
งานเลี้ยงสุราดำเนินไปจนฟ้ามืด กู่หลีอ๋องถึงได้บอกลากลับไปที่ค่ายทหารของตนซึ่งอยู่ห่างไปสองหลี่
ราตรีนี้ลมพัดแรงไร้แสงจันทร์ ทหารชาวหูจำนวนสองพันนาย ตัวคนหมอบติดพื้น ม้าหุ้มกีบเท้า ค่อยๆ ลอบคืบคลานมาจนถึงป้อมปราการด้านหน้าค่ายใหญ่เยี่ยนโจว ทหารชาวหูสี่นายปีนกำแพงขึ้นไปเงียบๆ ชักดาบโค้งออกมาปาดคอทหารเยี่ยนโจว แต่ เอ๋? สัมผัสกลับไม่ถูกต้อง เมื่อมองอย่างละเอียดถึงพบว่าเป็นมนุษย์ฟางสวมชุดทหารสองตัว ทหารชาวหูที่ลอบโจมตีตะโกนเสียงดังเป็นภาษาหู กู่หลีอ๋องรีบชักม้ากลับ ทว่าสายไปเสียแล้ว
ลูกธนูเพลิงดอกหนึ่งถูกยิงแหวกอากาศมาจากไหล่เขา ก่อนจะเห็นธงโบกสะบัดจากทั้งสี่ด้าน คบเพลิงทยอยถูกจุดขึ้น กู่หลีอ๋องโดนล้อมเอาไว้ตรงกลางแล้ว