ฉาฉาสงสัยว่าเหตุใดวันนี้เขาถึงได้ใจดีเช่นนี้ จึงพยักหน้าอย่างลังเล ทันใดนั้นริมฝีปากของเฉิงตั๋วพลันทาบทับลงมา ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าไปในปากนางโดยไม่ลังเลสักนิด มือหนึ่งปลดสายรัดชุดของนางออก ฉาฉารู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาทันใด
เฉิงตั๋วไม่ใช่มนุษย์ที่มีความปรารถนาไม่สิ้นสุด แต่เวลาปรารถนาขึ้นมาจะไม่ค่อยเหมือนมนุษย์ เมื่อหลายวันก่อนเขายุ่งวุ่นวายกับเรื่องสงคราม แม้ฉาฉาจะพักอยู่ในกระโจมของเขา แต่เขาก็ไม่แตะต้อง มาวันนี้ดูเหมือนจู่ๆ ก็เกิดมีอารมณ์ปรารถนาขึ้นมา แต่กลับรอให้นางกินยาอย่างเชื่องช้าจนหมดเสียก่อน ฉาฉาคาดการณ์จากหลัก ‘ให้ลูกอมกินก็จะให้กระบองหนึ่งไม้’ ของเขา จึงคิดว่าวันนี้เขาคงตั้งใจจะชดเชยเรื่องที่ค้างคาเอาไว้หลายวันก่อนให้หมด เมื่อคิดได้เช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ตอบสนองไม่ลงแล้ว
เฉิงตั๋วพลิกตัวนางให้นอนคว่ำอยู่บนผ้าห่ม ลูบไล้รอยแผลบนแผ่นหลังของนาง เอ่ยปลอบประโลม “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่มีทางทำอะไรเจ้า” ปลายนิ้วเขากดลงบนรอยแผล ฉาฉารู้สึกเจ็บจากอาการช้ำ อดนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกเจ๋อเหรินเฆี่ยนขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ในใจพลันหวาดกลัว นางเป็นเช่นนี้ไปแล้ว จะยังไม่เป็นอะไรได้อีกหรือ คำพูดของเขาไม่รู้ว่าหมายถึงวันนี้ชีวิตน้อยๆ ของนางจะไม่เป็นอะไร หรือว่าชีวิตวันหน้ายากจะไม่เป็นอะไร บุรุษผู้นี้มีศาสตร์มีศิลป์ในการเอื้อนเอ่ยจริงๆ
เฉิงตั๋วจับหน้าฉาฉาหันมา ป้อนเนยแข็งให้นางอีกก้อน รอจนนางอมจนละลายถึงประชิดหน้าเข้าไปแบ่งปันอีกครั้ง ฉาฉาไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย คล้อยตามเขาอย่างเชื่อฟัง เฉิงตั๋วแย่งรสเนยแข็งในปากนางไปอย่างหมดจด เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกดเอวนาง กล่าวว่า “หากอยากกินอีกก็หยิบเอง”
ฉาฉาเห็นท่าทีของเขายังนับได้ว่าเป็นมิตร หลังซุกหน้ากับท่อนแขน ปรับอารมณ์เล็กน้อยก็คว้าเนยแข็งก้อนค่อนข้างใหญ่จากในถาดมาหนึ่งก้อน ก้มตัวกอดผ้าห่ม กัดเคี้ยวกินด้วยอารมณ์เคียดแค้นเล็กน้อย
ไม่ว่าอย่างไรฉาฉาก็ยังบาดเจ็บอยู่ ตอนบ่ายเฉิงตั๋วจึงไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้นาง ภายหลังยังให้นางนอนหลับงีบใหญ่ ส่วนตัวเขาออกไปเดินตรวจตราทางตะวันออก จวบจนช่วงย่ำค่ำถึงได้กลับมา เป็นเพราะหูตี๋แพ้สงคราม แนวรบตลอดทั้งแนวจึงเคลื่อนไปทางทิศตะวันตก ส่วนกำลังทหารของเฉิงตั๋วที่แนวรบตะวันออกของเยี่ยนโจวก็เรียกเก็บกลับมาแล้ว
ในเวลาสั้นๆ ชาวหูยังไม่อาจรวบรวมกำลังคนและม้าได้เพียงพอ จึงรักษาการณ์อยู่ในเมืองหลวงของพวกเขาไม่ออกมา เฉิงตั๋วก็ไม่ได้บุกลึกเข้าไป บนท้องทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไม่มีสถานที่ให้ครอบครอง ทั้งยังไม่ง่ายต่อการตั้งรับเป็นเวลานาน ดังนั้นเมื่อสงครามทางเหนือสงบลงบ้างแล้ว ในวังจึงมีพระราชโองการถ่ายทอดลงมาให้ผู้บัญชาการทหารอวิ๋นโจวเฉิงเสี่ยนทำหน้าที่ป้องกันชายแดนทางเหนือแทน เรียกตัวเฉิงตั๋วกลับเมืองหลวง
ในเมื่อเฉิงตั๋วต้องจากไปชั่วคราว ดังนั้นจึงต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย กับกิจทางทหารบางอย่าง เขาไม่เคยรังเกียจความยุ่งยากของมัน คิดเสมอว่าหากจำเป็นก็ต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเองจึงจะวางใจได้
รอจนกลับมาถึงค่ายใหญ่เยี่ยนโจวก็เห็นตงฟางสวมชุดเดินทาง ขี่ม้ารออยู่ที่หน้าค่าย หมิงจียืนอยู่ข้างกายเขา เมื่อเห็นเฉิงตั๋วกลับมา ตงฟางก็ประสานมือเอ่ย “ท่านอ๋อง เดิมทีกระหม่อมต้องการร่วมทางกลับเมืองหลวงพร้อมพระองค์ แต่ตอนนี้เป็นเพราะมีเรื่องจุกจิกบางอย่าง จำต้องออกเดินทางล่วงหน้า ดังนั้นจึงขอนำไปก่อนหนึ่งก้าวพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้?” เฉิงตั๋วตกใจอยู่บ้าง เพราะเวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจจะไปตอนบ่าย แต่เพราะท่านอ๋องไม่ทรงอยู่ที่ค่าย หากไปโดยไม่ลาย่อมไม่เหมาะสม กระหม่อมขอลาท่านอ๋องตรงนี้ รอท่านอ๋องเสด็จกลับถึงเมืองหลวงแล้ว กระหม่อมค่อยไปคารวะที่จวนอีกครั้ง น้องสาวของกระหม่อมกับนกพิราบก็ต้องรบกวนให้ท่านอ๋องทรงช่วยดูแลแทนแล้ว”