“จริงอยู่ว่าแซนด์ไม่ได้เป็นดารา เป็นข่าวแบบนี้มันก็อาจไม่กระทบกับห้องเสื้อของแซนด์เท่าไหร่ แต่เราก็ควรคิดบ้างว่ามันจะทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ไม่สบายใจ เราโตแล้วนะ เลิกทำนิสัยเด็กๆ ได้แล้ว”
ทิพากรเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง พอเขาพูดถึงบุพการีขึ้นมาธรณินก็ถึงกับหน้าหงอยลง
เขาเป็นผู้ใหญ่ที่มักจะคาดเดาความคิดใครต่อใครได้เสมอ ธรณินไม่แปลกใจเลยที่เขาทำให้สาวน้อยอย่าง ‘พราวมุก’ ตกหลุมพรางรักของเขา จนสุดท้ายก็ได้อีกฝ่ายมาเป็นภรรยาสมใจ
“ที่พี่เขาพูดก็ถูกนะลูก” ทิพรดาเห็นด้วย
“พ่อไม่ต้องออกปากเองเราก็น่าจะเข้าใจนะ” ยศภัทรเสริม
“แซนด์รู้ค่ะว่าสิ่งที่แซนด์ทำมันไม่ดี แซนด์ทำให้ครอบครัวเราถูกนินทาและอาจจะถูกมองไม่ดี แต่แซนด์ก็มีเหตุผลนะคะ” ธรณินพยายามอธิบาย “ทุกคนก็รู้ว่านายภาคินเป็นพ่อของน้องภู”
สมาชิกในครอบครัวศุจินทรารู้จักกับรศิตาเป็นอย่างดี เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของธรณินและเคยมาค้างที่นี่บ่อยๆ เวลารศิตามีปัญหาแล้วธรณินช่วยเพื่อนจนคิดไม่ตกก็จะนำมาปรึกษากับทิพรดาและยศภัทร พวกท่านก็เลยเอ็นดูรศิตาเหมือนลูกเหมือนหลาน ดังนั้นพวกท่านย่อมรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิตของรศิตา
“ถ้าแซนด์ไม่ทำแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้หรอกค่ะว่านายภาคินทำชั่วอะไรไว้บ้าง แล้วยายศิก็คงต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่คนเดียว ส่วนน้องภูก็ต้องถูกพ่อใจดำทอดทิ้ง” ธรณินพูดอย่างใส่อารมณ์
ทุกคนเข้าใจดีว่าหญิงสาวรักและเป็นห่วงเพื่อนมากแค่ไหน แต่ก็กังวลว่าหากยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องภายในครอบครัวของรศิตามากเกินไปอาจทำให้ทั้งรศิตากับภาคินมีปัญหากันมากขึ้น
“เราคิดว่าพอคนอื่นรู้เรื่องนายภาคินแล้ว นายภาคินเสียชื่อเสียงสมใจ เขาจะกลับมารักและดูแลครอบครัวเหรอ ผู้ชายที่มีชู้ตอนเมียกำลังตั้งท้องมันจะคิดได้แค่เพราะถูกเราแฉงั้นเหรอแซนด์” ทิพากรพูดต่อ ซึ่งสิ่งที่เขาพูดก็มีความเป็นไปได้ คนอย่างภาคินไม่น่าจะสำนึกได้ง่ายๆ แบบนั้น
“แล้วจะให้แซนด์ทนเห็นมันทิ้งเพื่อนแซนด์ไปเสวยสุขกับผู้หญิงคนอื่นเหรอคะ”
“พวกเรารู้ว่าแซนด์รู้สึกยังไง” วาริธรบอกอย่างเข้าใจ “ศิกับแซนด์คบกันมาสิบห้าปี เป็นเพื่อนรักเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ต่างจากพี่น้อง การที่แซนด์เห็นศิต้องเจ็บปวดเพราะผู้ชายเลวๆ คนนั้นมันทำให้แซนด์เจ็บปวดไปกับศิด้วย แต่นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวเขานะแซนด์ เราจะไปยุ่งมากไม่ได้”
“ก็ยายศิเอาแต่ยอมหมอนั่นนี่คะ ไม่หือไม่อืออะไร พอถูกเขาทำร้ายจิตใจก็ปิดปากเงียบ เอาแต่เสียใจและแอบร้องไห้จนแซนด์กลัวเพื่อนจะเป็นซึมเศร้า แซนด์ไม่เข้าใจจริงๆ นะคะว่าทำไมยายศิต้องไปยอมมันด้วยทั้งๆ ที่ยายศิทั้งสวยทั้งเก่ง แถมยังนิสัยดีอีก คนอย่างยายศิหาผู้ชายคนใหม่ได้ไม่ยากหรอกค่ะ นี่แซนด์ยุให้ยายศิเลิกกับนายภาคินตั้งหลายครั้งแล้วนะคะ ยายศิก็อ้างแต่อดทนเพื่อลูกอยู่นั่น”
ธรณินได้โอกาสก็ระบายความโกรธเหมือนเธอทนเก็บกดมานาน ความจริงหญิงสาวรู้ว่าเธอไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องภายในครอบครัวของรศิตาแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม
แต่…ที่ผ่านมาเธอก็อดทนที่จะไม่พูดและเอาแต่ปลอบใจเพื่อนมาตลอดหลายปี ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างภาคินกับรศิตาก็ไม่เคยดีขึ้นเลย
เพื่อนเธอรักฝ่ายชายจนยอมทุกอย่าง ส่วนฝ่ายชายก็ลำพองใจทำเลวกับเพื่อนเธอสารพัด ทั้งละเลยความรู้สึก ไม่มีเวลาให้ ไม่เอาใจใส่ ใช้คำพูดทำร้ายจิตใจตลอดเวลา ขนาดมีลูกด้วยกันยังไม่คิดจะแยแส จากที่เคยทนเงียบมานาน ธรณินก็ทนไม่ไหวจนถึงขั้นต้องออกปากเรียกร้องความเป็นธรรมให้เพื่อน
“ทำอย่างกับว่าไอ้ที่ทนอยู่ทุกวันนี้ทำให้ผู้ชายแบ่งเวลามาให้ลูกหรือใส่ใจครอบครัวมากขึ้น นับวันนายภาคินยิ่งไม่เห็นหัวยายศิกับลูก ไม่งั้นจะไปแต่งกับยายตาทั้งๆ ที่น้องภูเพิ่งจะสามขวบครึ่งเหรอคะ”
“แล้วเราไปพังงานแต่งนายภาคินซะเละเทะแบบนั้นจะไม่ทำให้เพื่อนเรามีปัญหากับเขาเหรอ ถ้าศิต้องเป็นฝ่ายยอมนายภาคินมาตลอด พี่ว่างานนี้นายภาคินโกรธเราจนเอาไปลงกับเพื่อนเราแน่ๆ” ทิพากรคาดเดา
เขากลัวจริงๆ ว่าการที่ธรณินออกตัวแรงเบอร์นี้จะทำให้เธอกลายเป็น ‘หมา’
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิคะ ยายศิจะได้ตาสว่างแล้วเลิกกับผู้ชายสารเลวพรรค์นั้นสักที”
หญิงสาวพูดด้วยความเชื่อมั่นว่ายังไงรศิตาก็ต้องเข้าใจในการกระทำของเธอและไม่มีทางเห็นผู้ชายเลวๆ คนนั้นดีกว่าเพื่อนที่คบกันมาถึงสิบห้าปีอย่างเธอแน่ๆ
“ถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดก็ดี” วาริธรอวยพรให้น้องสาวอยู่ในใจ
ทว่า…ลึกๆ เขากลับหวั่นใจแทนธรณินว่าบางทีเรื่องมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิด!
ติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 น.