“มันก็ใช่ค่ะ แต่พี่ไม่อยากให้คุณแซนด์เสียชื่อเสียง”
“แซนด์ไม่ได้เป็นดารานะคะ ถูกด่านิดด่าหน่อยไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวคนก็ลืม”
“พี่ไม่อยากให้คุณแซนด์ของพี่โดนด่านี่คะ”
“เอาเถอะค่ะ! ยังไงงานแซนด์ก็ยังขายได้ แต่สองคนนั้นเป็นคนเบื้องหน้า มีข่าวฉาวแล้วงานหดแน่ๆ โดยเฉพาะข่าวนอกใจหรือเป็นชู้กับผัวชาวบ้าน แล้วสองคนนั้นก็ดันเลวครบสูตรซะด้วย แซนด์แค่โดนด่านิดหน่อย ถ้าแลกกับความฉิบหายของพวกมัน แซนด์ยอมค่ะ”
ธรณินบอกเพราะเธอคิดและตัดสินใจมาเป็นอย่างดีแล้ว
“ยังจะมีหน้ามาทำเสียงสะใจอีก” อรณัสอ่อนอกอ่อนใจกับเจ้านายของตน
มันก็จริงอย่างที่ธรณินพูดนั่นแหละว่าแบรนด์เสื้อผ้า ‘Sandra’ ติดตลาดแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้เอาเรื่องส่วนตัวของเธอมาประกอบการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้า แล้วแฟนคลับของภาคินกับมุกตาภาก็ไม่น่าจะอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เสื้อผ้าเธอ ที่สำคัญลูกค้าก็น่าจะแยกแยะได้
ถึงกระนั้นอรณัสก็ไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของธรณินเสียหาย เพราะยังไงเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนใต้แสงไฟ มีหน้ามีตาในสังคม มีชื่อเสียง และยังเป็นน้องสาวของพระเอกชื่อดังอีกด้วย
“ว่าแต่…พี่เห็นคลิปที่พวกนักข่าวเอามาลง มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาดึงแขนคุณแซนด์ออกจากงาน เขาเป็นใครเหรอคะ รูปร่างหน้าตาดูดีใช่ย่อยเลยนะ”
อรณัสถามด้วยความสนใจเผื่อว่าจะเป็นคนรู้จักของธรณิน
“คุณแซนด์มีแพลนว่าจะขยายตลาดไปทำเสื้อผ้าผู้ชายด้วย ให้เขามาเป็นนายแบบก็ดีนะคะ”
“คลิปถ่ายเห็นผู้ชายคนนั้นชัดเจนจนพี่เออยากได้มาเป็นนายแบบเลยเหรอคะ” ธรณินถามอย่างร้อนใจ เธออาจจะคบกับทิวาในระยะเวลาไม่นาน แต่พี่ชายทั้งสองคนของเธอก็รู้จักเขาและอาจจำเขาได้
เธอไม่อยากให้คนใกล้ชิดรับรู้ว่าเธอโคจรกลับไปเจอเขาอีกครั้ง
“เห็นแค่ไม่กี่วิเองค่ะ แต่พี่เป็นผู้ช่วยคุณแซนด์นะคะ พี่ก็ต้องหูไวตาไวเป็นธรรมดา”
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ธรณินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หญิงสาวหวังว่าคนอื่นๆ คงไม่ช่างสังเกตเหมือนอรณัสหรอกนะ
“สรุปคุณแซนด์รู้จักเขามั้ยคะ”
“ไม่รู้จักค่ะ”
“อ้าว! แล้วทำไมเขากล้ามาดึงแขนคุณแซนด์ออกไปแบบนั้น”
“เขาเป็นคนรู้จักของนายภาคินกับยายตามั้งคะ เขาคงไม่อยากให้มีซีนแย่ๆ ในงานแต่งของคนรู้จัก” ธรณินตอบอย่างขอไปที ถ้าไม่จำเป็นเธอก็ไม่อยากเล่าเรื่องในอดีตให้อรณัสฟัง
“น่าเสียดายจังเลยนะคะ พี่ว่าเขาน่าสนใจมาก” อรณัสบอกอย่างเสียดายทำให้เรื่องของทิวาวิ่งวนเข้ามาในความคิดของเจ้านายสาวอีกครั้งทั้งๆ ที่เธอไม่อยากนึกถึงเขาเลยสักนิด
ธรณินเคยคบกับทิวาสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยปีสาม ส่วนเขาเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกัน ในตอนนั้นชายหนุ่มเรียนจบได้สองปีแล้ว และกำลังเอาดีด้านการเขียนนวนิยาย