นั่นคือแคปชั่นใต้รูปที่ภาคินแต่งตัวหล่อเหลาเหมือนกำลังจะออกไปดินเนอร์ในร้านอาหารสุดหรู และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะไปกับใคร เพราะพระเอกหนุ่มแท็กหานางเอกของเขาเรียบร้อยแล้ว
ภาคินทำเหมือนต้องการประกาศกับแฟนคลับว่าเขากับมุกตาภาจะฝ่าฟันกระแสโจมตีไปให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งสองก็จะรักและผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกัน
นี่น่ะเหรอไอ้คนติดงาน ติดอย่างอื่นซะมากกว่า!
ธรณินคิดในใจขณะแคปภาพไว้เป็นหลักฐานเผื่อว่าภาคินจะโดนด่าจนรีบลบรูปทิ้ง จากนั้นเธอก็วางโทรศัพท์มือถือแล้วขับรถออกไปเพราะเป็นห่วงหลานจับใจ ไม่รู้ว่าป่านนี้น้องภูจะเป็นยังไงบ้าง
ธรณินกล้าพูดว่าไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านถ้าไม่จำเป็น ยิ่งให้ ‘ออกตัวแรง’ แทนคนอื่นแบบนี้ยิ่งไม่มีทางเด็ดขาด แต่เธอคบกับรศิตามาสิบห้าปี เธอรู้ดีว่าแม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงเก่ง มีความอดทนสูงแต่ที่ผ่านมาเพื่อนเธอก็เก็บความเจ็บช้ำเอาไว้มากมาย รศิตาคงหวังว่าสักวันภาคินจะคิดได้ แต่ผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนั้นต่อให้แก่จนเดินไม่ไหวก็ไม่มีทางคิดได้หรอก เพราะเขาเห็นแก่ตัวจนเป็นสันดานไปแล้ว
ธรณินอยากให้เพื่อนตัดใจจากผู้ชายคนนั้นแล้วเปิดใจมองหาผู้ชายคนใหม่ หรือถ้าเข็ดกับความรักจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่แบบโสดๆ สวยๆ ก็ยังได้ อย่างน้อยๆ จะได้เอาเวลามาโฟกัสกับการทำงานและทุ่มเทหัวใจให้กับน้องภูโดยที่ไม่ต้องรอคอยเศษเดนความรักจากผู้ชายที่ไม่เคยเห็นค่า…เพราะตราบใดที่รศิตายังเอาชีวิตไปผูกกับภาคิน อีกฝ่ายก็คงต้องเจ็บช้ำเหมือนมีหนามยอกอกแบบนี้นั่นแหละ!
ธรณินไปถึงโรงเรียนอนุบาลในเวลาเกือบห้าโมงเย็น เธอรีบไปดูน้องภูซึ่งนั่งรอผู้ปกครองมารับอยู่กับคุณครู พอเห็นหน้าเธอเท่านั้นหลานชายตัวน้อยก็โผเข้ากอดด้วยความดีใจจนร้องไห้ ลึกๆ แกคงยังรู้สึกเสียขวัญทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คุณครูก็ปลอบให้แกสงบไปรอบหนึ่งแล้ว
จากนั้นคุณครูก็เล่าให้หญิงสาวฟังว่าหลังเลิกเรียนแกไปเล่นกับเพื่อนแล้วพลัดตกชิงช้าจนหัวแตก คุณครูจึงพาน้องภูไปทำแผลที่คลินิกใกล้ๆ แล้วพากลับมารอผู้ปกครองในโรงเรียน
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะคนเก่งของน้าแซนด์”
ธรณินบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะกอดปลอบหลาน ฝ่ามือบอบบางลูบแผ่นหลังเล็กของเด็กชายอย่างอ่อนโยนเพราะไม่อยากเห็นหลานร้องไห้ น้ำตาของอีกฝ่ายทำให้ใจเธอแทบจะเหลวเป็นน้ำ
“เดี๋ยวน้าแซนด์จะพากลับบ้าน แต่ก่อนกลับเราแวะกินไอติมร้านโปรดของน้องภูก่อนแล้วค่อยกลับไปรอคุณแม่ที่บ้านเนอะ” ธรณินบอกพร้อมรอยยิ้มขณะเอาของกินมาล่อหลาน
ประโยคนั้นทำให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้และยิ้มออกจนหญิงสาวยิ่งนึกเอ็นดู ในขณะที่คุณครูก็มองเธออย่างชื่นชมเพราะไม่คิดว่าสาวเปรี้ยวที่เห็นในข่าวบุกทำลายงานแต่งจะเป็นคนรักเด็กแบบนี้
ธรณินเห็นคุณครูมองเหมือนจำเธอได้ หญิงสาวก็เลยรีบขอตัวกลับเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะปะติดปะต่อเรื่องราวจนรู้ว่าน้องภูเป็นลูกของภาคินซึ่งมันอาจทำให้ชีวิตในโรงเรียนของแกไม่สงบสุขอีกต่อไป โชคดีที่น้องภูใช้นามสกุลของรศิตาไม่ใช่ภาคิน ไม่อย่างนั้นคุณครูคงจะเดาเรื่องได้ไม่ยาก