บทที่ 4
รัก…หมดอายุ
นับตั้งแต่วันที่พาลูกไปเข้าโรงเรียน รศิตาจะย้ำกับลูกเสมอว่าไม่ให้พูดถึง ‘พ่อ’ กับใครที่โรงเรียนเพราะพ่อเป็นพระเอกคนดัง การที่ประชาชนรับรู้ว่าพ่อมีลูกมีเมียจะทำให้ความนิยมลดลง ซึ่งน้องภูก็รับปากเธอเป็นอย่างดี นอกจากนี้เธอก็ไม่เคยเปิดเผยกับใครนอกจากคนสนิทว่าสามีของเธอคือภาคิน แต่พอเป็นข่าวดัง ใครต่อใครก็พยายามเสาะหาว่าใครคือเมียและลูกที่ภาคินซุกเอาไว้
‘ไฮโซสาวบุกแฉกลางงานแต่ง ภาคินซุกลูกซุกเมีย!’
‘พระเอกดังทิ้งลูกทิ้งเมีย แต่งกับคู่จิ้น ถูกแฉกลางงาน!’
‘แฉยับ! พระเอกซุป’ตาร์สันดานแมงดาทิ้งลูกทิ้งเมีย!’
แค่นึกถึงพาดหัวข่าวในวันนี้รศิตาก็แทบหายใจไม่ออก เธอยังไม่ได้รับการติดต่อจากภาคิน แต่เธอรู้ว่าเขาต้องโกรธมาก เพราะขนาดไม่เป็นข่าว แค่เธอโทรหาเขาเวลาอยู่กองถ่าย เขายังโกรธเธอเลย
‘บอกเพื่อนคุณให้หุบปากบ้างนะ’
ในอดีตภาคินเคยบอกกับรศิตาเช่นนั้นตอนที่เขาแอบกลับมาบ้านแล้วบังเอิญเจอกับธรณินพอดี ฝ่ายธรณินจึงพูดจาเหน็บแนมเรื่องที่เขามีข่าวกับนางเอกคู่จิ้นโดยไม่เกรงใจเมียอย่างรศิตา
‘เรื่องตัวเองก็ไม่ใช่ เสนอหน้าพูดอยู่ได้’
ภาคินไม่พอใจทุกครั้งเวลาที่ธรณินถามว่าเมื่อไหร่เขาจะแต่งงานกับรศิตาอย่างออกหน้าออกตา แต่เขาไม่กล้าออกปากเตือนธรณินเองเพราะมักจะถูกสวนกลับด้วยความจริงจนหน้าชาเสมอ รศิตาเองก็เข้าใจดีว่าเพื่อนเป็นห่วงแต่เธอก็ช่วยออกปากเตือนด้วยกลัวว่าภาคินจะโกรธจนไม่แบ่งเวลามาเยี่ยมลูก
‘แกหงอเขาเกินไปหรือเปล่าศิ’
ธรณินถามอย่างขัดใจทุกครั้งที่เห็นรศิตาก้มหน้าร้องไห้เวลาเห็นข่าวสามีออกงานกับนางเอกคู่จิ้นแล้วทั้งสองมีทีท่าว่ากำลังคบหาดูใจกัน ต่อให้เขาจะบอกกับเธอว่ามันเป็นแค่งานก็เถอะ
ภาคินเป็นรุ่นน้องร่วมคณะกับพวกเธอหนึ่งชั้นปี เขากับรศิตาได้ร่วมกิจกรรมด้วยกันบ่อยๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็ชอบพอกัน จนตกลงคบกันตอนที่รศิตาเรียนปีสามและภาคินกำลังเรียนปีสอง
รศิตาเป็นลูกสาวคนเดียว บิดากับมารดาเสียไปตั้งแต่ตอนเธอเรียนอยู่ชั้นปีสอง เธอไม่มีญาติสนิทที่ไหน แต่โชคดีที่พวกท่านทิ้งบ้านและทำประกันชีวิต ทำให้เธอยังมีที่อยู่อาศัยและมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง
ด้วยความที่เธออยู่บ้านคนเดียว เธอจึงชวนภาคินมาอยู่ด้วยกันซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่อยู่กลายๆ ในตอนนั้นธรณินไม่เห็นด้วยเลยสักนิดเพราะคิดว่าทั้งสองยังเด็กเกินไป เธอรู้สึกว่าภาคินอาจจะเข้ามาเพราะผลประโยชน์ และเธออยากให้รศิตาคบหาดูใจกับอีกฝ่ายให้นานกว่านี้ก่อนที่จะอยู่ด้วยกัน ทว่ารศิตาก็ยืนยันว่าเธอกับภาคินรักกัน และเธอรู้จักตัวตนของเขาดีแล้ว
เมื่อรศิตาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วธรณินก็ไม่ได้ว่าอะไร
ตอนนั้นภาคินฐานะแย่กว่ารศิตามาก เขามีเงินใช้จ่ายรายเดือนแค่หมื่นเดียวซึ่งเงินจำนวนนี้ต้องใช้สำหรับเป็นค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเช่าหอพัก แม้จะหารค่าเช่าห้องกับเพื่อนแต่ก็มีเงินเหลือใช้แค่ไม่กี่พันบาท รศิตาสงสารและเห็นใจคนรักถึงได้ชวนเขามาอยู่ด้วยกัน