จิตสังหารของนางแผ่ซ่านชัดเจน ทันใดนั้นนางก็กระโดดทิ้งตัวลงไปพร้อมใช้พลังมาร นิ้วมือทั้งห้างองุ้มดุจกรงเล็บพุ่งจู่โจมกลางกระหม่อมของเขาเพื่อช่วงชิงปราณดั้งเดิม
การกลืนกินปราณดั้งเดิมของเซียนช่วยเพิ่มอิทธิฤทธิ์ได้ ส่วนปราณดั้งเดิมของเซียนกระบี่นั้นจะเพิ่มพลังยุทธ์ได้ร้อยปี
นางหมายมั่นว่าจะต้องทำให้สำเร็จ ทุ่มเทสุดพลังโดยเล็งเป้าหมายตรงไปที่เขา คาดไม่ถึงว่าจะพบความผิดปกติกลางทาง คิดแล้วก็ประหลาดใจ เพราะเหตุใดเป้าหมายคล้ายจะเอียงข้าง เหมือนเล็งไม่ตรงเป้า? นางรีบร้อนกระตุ้นลมปราณ แต่กลับต้องตกใจเมื่อพบว่าจุดตันเถียนว่างเปล่า!
พั่วเยวี่ยตกใจหน้าถอดสี ถ้าหากกระตุ้นลมปราณไม่ได้ก็ไม่อาจสำแดงอานุภาพพลังมาร ตอนนี้ส่งตัวเองมาถึงที่ ไม่เรียกว่าฆ่าตัวตายสิถึงจะแปลก!
แต่ไหนแต่ไรมาท่วงท่ายามนางพุ่งทะยานลงมาน่าเกรงขามประหนึ่งเหยี่ยวนักล่าบินโฉบจับกระต่าย หลังจากตกใจชั่วขณะเพราะไม่อาจใช้อิทธิฤทธิ์ได้นางก็กวัดแกว่งแขนขาสุดชีวิต กลายเป็นเป็ดแล้งหวาดกลัวลนลานตัวหนึ่งแทน
จบสิ้นแล้ว…จบสิ้นแล้ว อีกเดี๋ยวต่อให้ไม่ตายก็สาหัสปางตายอยู่ดี!
พั่วเยวี่ยร่วงลงกลางสระน้ำไปโดยตรง แรงปะทะมหาศาลบนผิวน้ำถาโถมเข้ามากระแทกหนักหน่วงจนกระดูกนางแทบจะแหลกเป็นชิ้นแล้ว สายน้ำเย็นยะเยือกแทรกซึมห่อหุ้มร่างนางไปทุกส่วนในพริบตา นางพยายามร่ายอาคมสุดชีวิต กลับต้องตกใจเพราะแม้กระทั่งอาคมกันน้ำที่ง่ายดายที่สุดก็ใช้ไม่ได้ผล
เมื่อไม่มีอาคมกันน้ำก็หมดปัญญาจะหายใจใต้น้ำได้ นางดิ้นรนอย่างตื่นตระหนก แขนขายิ่งออกแรงเตะปัดป่ายมากเท่าใด ร่างกายก็ยิ่งจมดิ่งลึกลงไปมากขึ้นเท่านั้น
สุดท้ายจุดจบของนางก็คือจมน้ำตายอย่างนั้นหรือ น่าสมเพช ช่างน่าสมเพช ถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปนางไม่ถูกเผ่าปีศาจกับเผ่ามารสองเผ่านี้หัวเราะเยาะแทบขาดใจสิถึงจะแปลก!
ชั่วขณะที่เริ่มหายใจไม่ออกก็รู้สึกอึดอัดเจ็บร้าวในอก พั่วเยวี่ยนึกว่าตัวเองคงต้องตายแน่แล้ว ทันใดนั้นก็มีคนช้อนร่างนางขึ้นไปจนโผล่พรวดเหนือผิวน้ำ พอได้สัมผัสกับอากาศนางก็สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
ในที่สุดก็มีคนมาช่วยแล้ว นางคิดก่อนจะเป่าปากโล่งอก รอกระทั่งเรียกสติกลับมาได้จึงพบว่ามือสองข้างของตัวเองกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น นางขยับเว้นระยะห่างเล็กน้อย มองสบกับดวงตาเรียบนิ่งเย็นชาคู่หนึ่ง
ชุดสีขาวลวงตา จิตใจเสแสร้งมีคุณธรรม ไอเซียนจอมปลอมแผ่กระจาย…คนที่ช่วยชีวิตนางเป็นบุรุษเย็นชาชื่อเสียงโด่งดังในแดนเซียน ศัตรูคู่อาฆาตที่มีเงินรางวัลนำจับสูงสุดในแดนมาร
พั่วเยวี่ยสีหน้าแข็งทื่อ จบสิ้นแล้ว เมื่อเทียบกับถูกต้วนมู่ไป๋ฆ่าตายไม่สู้จมน้ำตายให้รู้แล้วรู้รอด
สีหน้าของนางตอนนี้ย่ำแย่ยิ่งกว่าคนตาย ทว่าแววตาของเขากลับอ่อนโยนดุจสายน้ำ
“ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง จะมาเล่นน้ำส่งเดชได้อย่างไร”
พั่วเยวี่ยเบิกตาโพลงมองเขา สีหน้าแข็งทื่อแปรเปลี่ยนเป็นระแวงสงสัยทีละนิด ยามศัตรูคู่อาฆาตเผชิญหน้ากันดวงตาจะแดงก่ำเป็นพิเศษมาแต่ไหนแต่ไร แววตาอ่อนโยนปานนี้ของเขามันเรื่องอะไรกัน
“ต่อให้อยากเล่นน้ำก็ควรสวมเสื้อผ้าสักชิ้นสิ หรือว่าเจ้าอยากยั่วยวนข้า?”
นางชะงักค้างแล้วก้มศีรษะลงมองถึงได้พบว่าผ้าม่านที่ใช้ห่อตัวหายไปแล้ว เป็นไปได้แปดส่วนว่าคงถูกน้ำซัดจนหลุดร่วงไป เวลานี้นางจึงเปลือยกายล่อนจ้อน
พั่วเยวี่ยรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่งม เวลาต้วนมู่ไป๋เผชิญหน้ากับนางล้วนมีท่าทีเย็นชาปานน้ำแข็ง ไอเซียนคุ้มครองร่างกายเจ้าตัวประหนึ่งดาบคมกริบทำให้ปีศาจหรือมารตนใดไม่อาจเข้าใกล้ แต่ตอนนี้นอกจากเขาจะโอบกอดนางไว้ ดวงตายังแฝงรอยยิ้ม ท่าทีสุภาพนุ่มนวล น้ำเสียงยามพูดคุยราวกับหยอกล้อคนรักกระนั้น
เขาไม่ใช่ต้วนมู่ไป๋!
นางมีสีหน้าบึ้งตึง “เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดถึงปลอมตัวเป็นเซียนกระบี่”
ต้วนมู่ไป๋ไม่มีทางสุภาพมีมารยาทกับนางเช่นนี้ นางตามยั่วยวนเขามานานเป็นร้อยปีแล้วไม่เคยทำสำเร็จเลยสักหน ต่อให้ยั่วยวนตรงหน้าด้วยเรือนร่างเปลือยเปล่าเขาก็ไม่หลงกลอยู่ดี
“เป่าเอ๋อร์ กล้าว่าอาจารย์ปลอมตัวมาอย่างนั้นหรือ น่าตีนัก” เขาว่าพลางยื่นมือออกมาดีดปลายจมูกนางเบาๆ กิริยาท่าทางสนิทสนมเช่นนี้พานทำให้นางตกตะลึงตาค้าง
เป่าเอ๋อร์? อาจารย์? นี่เขากำลังพูดอะไร
เขาใช้อาคมชำระน้ำทำให้ร่างกายของนางแห้งสบายในชั่วพริบตา จากนั้นก็ยื่นมือคว้าเสื้อคลุมตัวหนึ่งในอากาศธาตุมาห่อเรือนร่างอรชรเปลือยเปล่าเอาไว้มิดชิดแล้วช้อนตัวอุ้มนางเหาะเหินขึ้นไปข้างบน
พั่วเยวี่ยถูกอุ้มมาตลอดทางจนถึงห้องโถงหิน รอจนกระทั่งนางได้สติกลับคืนเขาก็วางร่างนางบนเตียงน้ำแข็งแล้ว
“นั่งอยู่บนนั้นอย่าไปไหนนะ เตียงน้ำแข็งช่วยให้จิตใจสงบได้ นอนลงไปดีๆ สิ” เขาสั่งกำชับเสร็จก็หมุนกายเดินออกจากห้องไป
พั่วเยวี่ยเบิกตาโพลงมองออกไปนอกประตูอย่างตกตะลึง ในความทรงจำเหมือนมีบางสิ่งค่อยๆ ตื่นขึ้นมา นางนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน รีบก้มหน้าแหวกเสื้อคลุมของตัวเองเผยให้เห็นทรวงอกนวลเนียนและงดงามคู่หนึ่ง
นึกออกแล้ว!