ตอนเกิดสงครามใหญ่ระหว่างเซียนและมาร…นางในฐานะแม่ทัพของเผ่ามารรับคำสั่งท่านจอมมารนำกำลังกองทัพมารบุกจู่โจมยอดเขาวั่งเยวี่ย
ยอดเขาวั่งเยวี่ยเป็นสถานที่พำนักของต้วนมู่ไป๋ เมื่อกำลังทหารสองฝ่ายเข้าปะทะกันนางกับเขาก็ต่อสู้กันด้วยคาถาอาคม หลังจากประมือกันไปนับพันกระบวนท่านางเริ่มตกเป็นรอง ยังไม่ทันหลบหนีไปไหนก็ถูกกระบี่ซื่อหมัวในมือเขาแทงทะลุหัวใจในคราวเดียวจนดวงจิตและวิญญาณหลุดออกจากร่าง
บนหน้าอกเดิมทีสมควรมีรอยแผลเป็นจากกระบี่กลับมองเห็นเพียงผิวพรรณขาวกระจ่างไร้ตำหนิ อีกทั้งยังคงอวบอิ่มกลมกลึง แต่ไม่เห็นร่องรอยบาดแผลใดๆ เลย
เป็นไปไม่ได้ หรือว่านี่คือโลกมายา?
ใช่แล้ว มีเพียงในโลกมายาเซียนกระบี่ถึงจะอ่อนโยนกับนางผิดปกติปานนั้น แล้วยังอธิบายได้ด้วยว่าเหตุใดบนร่างกายของนางจึงไร้บาดแผล
เพื่อพิสูจน์การคาดคะเนของตัวเอง พั่วเยวี่ยมองหาทั่วทุกมุมในห้องโถงหิน ถ้าหากเป็นโลกมายาต้องมีช่องโหว่อยู่แน่นอน นางต้องทำลายมันให้จงได้
ใครจะรู้ว่านางบังเอิญเห็นโอ่งน้ำใบหนึ่งในห้องโถงหิน ทันทีที่เห็นเงาสะท้อนบนผิวน้ำนางก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ
ในน้ำมีคนด้วย!
นางเหลียวซ้ายแลขวา พออ้าปากจะตะโกนเรียกคนกลับนึกขึ้นมาได้อีกว่าตัวเองอยู่ในโลกมายา ตะโกนเรียกไปก็ไร้ประโยชน์จึงปิดปากสนิท นางลังเลอยู่ชั่วครู่ เห็นว่าคงไม่มีอันตรายใดก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังแล้วชะโงกหน้าจ้องมองเงาสะท้อนในน้ำ
เงาสะท้อนเป็นภาพใบหน้าอ่อนเยาว์งามพริ้มเพราอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี เด็กสาวผู้นั้นเบิกตาโพลงจ้องมองนาง ส่วนนางก็จ้องมองอีกฝ่ายอยู่เช่นกัน นางกะพริบตา เด็กสาวผู้นั้นก็กะพริบตา นางก้มศีรษะลง เด็กสาวผู้นั้นก็ก้มศีรษะลง
ผิวน้ำสะท้อนภาพใบหน้านาง แต่กลับไม่ใช่ใบหน้านาง!
พั่วเยวี่ยลูบคลำใบหน้าตัวเองอย่างตกตะลึงก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิด นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะเหตุใดข้าถึงกลายเป็นคนอื่นไปได้
นางเข้าใจกระจ่างโดยพลัน มิน่าเล่าแววตายามต้วนมู่ไป๋มองนางรวมถึงท่าทีที่มีต่อนางถึงผิดแผกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่ามองนางเป็นใครอีกคนไปแล้ว
นางมั่นใจว่าคงเพราะหลังถูกเขาใช้กระบี่ซื่อหมัวแทงตาย ดวงจิตและวิญญาณไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวผู้นี้ได้เช่นไร นางเดิมทีดวงจิตและวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วกลับได้อาศัยร่างของผู้อื่นเกิดใหม่อีกครั้ง หรือว่าสาเหตุที่นางไม่อาจสำแดงอานุภาพพลังมาร ไม่อาจกระตุ้นลมปราณ เป็นเพราะเปลี่ยนมาอยู่ในอีกร่างหนึ่งอย่างนั้นสินะ?
“บอกให้นั่งอยู่เฉยๆ ไม่เชื่อฟังกันอีกแล้ว” เสียงตำหนิเบาๆ ของบุรุษดังมาจากข้างหลัง แขนแข็งแรงช้อนร่างบางขึ้น อุ้มนางที่กำลังเหม่อลอยกลับไปที่เตียงน้ำแข็ง
“วิญญาณดั้งเดิมของเจ้าได้รับบาดเจ็บ ถึงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วแต่ร่างกายยังอ่อนแออยู่ ต้องพักผ่อนให้มาก”
แม้จะเป็นใบหน้านั้นเหมือนเดิม แต่เพราะไม่มีความเย็นชาอยู่อีกแล้วจึงให้ความรู้สึกแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว พอเห็นต้วนมู่ไป๋มองด้วยแววตาอ่อนโยนเช่นนี้ ต่อให้นางรู้จักบุรุษผู้นี้มานานหลายร้อยปีก็ยังไม่คุ้นชินกับใบหน้านี้ของเขาอยู่ดี เพราะมันใกล้ชิด แพรวพราว และชวนขนลุกเกินไปแล้ว
นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเซียนกระบี่ที่เย็นชาทั้งภายนอกภายในมาแต่ไหนแต่ไรก็มีแง่มุมอ่อนโยนเป็นมิตรเช่นนี้ด้วย
จริงสิ เขาเรียกข้าว่าเป่าเอ๋อร์ แล้วก็เรียกแทนตัวเองว่าอาจารย์ ข้ากลายเป็นลูกศิษย์ของเขาไปแล้ว?
จู่ๆ ปลายคางก็ถูกฝ่ามือประคองขึ้นมาประสานเข้ากับสายตาห่วงใยของเขา “เหตุใดเจ้าถึงเงียบไปเล่า”
พั่วเยวี่ยมองเขาตาปริบๆ ลองเอ่ยเรียก “อาจารย์?”
“หืม?”
ดูท่าเขาคงมองไม่ออกว่าเป็นนางจริงๆ เห็นเป็นลูกศิษย์ของตัวเองไปแล้ว
“อาจารย์ ศิษย์สัมผัสได้ว่าจุดตันเถียนว่างเปล่า กระตุ้นพลังลมปราณไม่ได้เลยเจ้าค่ะ”
เขาบอกว่าร่างกายนางยังอ่อนแอ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างนี้ ทำได้แค่หาวิธีหยั่งเชิงถาม แต่ก็กลัวว่าเขาจะสังเกตเห็นความผิดปกติจึงต้องเลือกถามแบบกว้างๆ ไปสักหน่อย
“เจ้าถูกเผ่ามารทำร้าย แม้จะรอดตายมาได้หวุดหวิด วิญญาณดั้งเดิมกลับได้รับบาดเจ็บ อาจารย์ปกป้องวิญญาณดั้งเดิมไว้ได้แล้ว แต่เจ้ายังต้องพักผ่อนให้มาก”
ถูกเผ่ามารทำร้าย? นางเข้าใจแล้ว คิดว่าร่างนี้คงได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนเกิดสงครามระหว่างเซียนและมาร เจ้าของร่างเดิมคงตายในสนามรบไปแล้วแน่ วิญญาณของนางจึงฉวยโอกาสเข้าครอบครองอาศัยร่างนี้เพื่อฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง