“อาจารย์คงไม่แกล้งข้าเล่นแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
นางไม่อยากเป็นเหมือนครั้งก่อนหรอกนะ พอกลืนอะไรส่งเดชลงท้องแล้วหลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เขาขมวดคิ้วมุ่น “คิดว่าอาจารย์จะเอาของปลอมมาทำร้ายเจ้าหรือ”
เจ้าไม่ได้ทำร้ายข้า แต่เจ้าแกล้งข้าเหมือนเป็นคนโง่ต่างหาก
คำพูดประโยคนี้วนเวียนอยู่ในใจนาง แต่ภายนอกยังแสดงสีหน้าเชื่อถือเต็มเปี่ยม พั่วเยวี่ยยื่นมือออกไปคว้าผลไม้ในมือเขามา กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ได้อย่างไรกันเจ้าคะ ศิษย์เชื่อใจอาจารย์ที่สุดแล้ว”
ต้วนมู่ไป๋เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เมื่อมีผลไม้เซียนลูกนี้วิญญาณดั้งเดิมของเจ้าจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ เส้นชีพจรคล่องโล่งไม่ติดขัด ลมปราณจะรวมอยู่ที่จุดตันเถียน เท่านี้ก็เริ่มฝึกฝนวิชาเซียนได้แล้ว”
พอได้ยินคำว่าเริ่มฝึกวิชาเซียนพั่วเยวี่ยก็แทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว
ต้วนมู่ไป๋มองหน้านาง เห็นนางรับผลไม้เซียนไปแล้วก็อ้าปากกัดเต็มคำ น้ำจากผลไม้สีแดงสดเคลือบริมฝีปากยิ่งทำให้ริมฝีปากอิ่มชุ่มฉ่ำปานน้ำจะหยด พอมองเข้าไปในดวงตาลึกล้ำของเขาจะพบรอยยิ้มสว่างเจิดจ้าดั่งคลื่นน้ำกระเพื่อมไหวสะท้อนแสง
นางนึกว่ารสชาติผลรวมพลังปราณจะหอมหวาน ทว่ากลับเป็นคนละเรื่องกับที่คิดไว้เลยจริงๆ
“แปลกจริง อาจารย์เจ้าคะ ผลรวมพลังปราณลูกนี้เหตุใดถึงมีกลิ่นคาวเลือดด้วยล่ะเจ้าคะ”
“ก็เป็นเช่นนี้นี่แหละ รสชาติของมันยิ่งมีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น สรรพคุณฟื้นฟูวิญญาณดั้งเดิมยิ่งดีเยี่ยม”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ตอนอยู่ในแดนมารนางเคยดื่มเลือดมาก่อนจึงไม่ใส่ใจกับเรื่องแค่นี้ เหม็นคาวก็เหม็นคาวไปเถอะ ออกฤทธิ์ฟื้นฟูได้ก็พอแล้ว
นางกัดผลไม้เซียนกินทีละคำ สุดท้ายก็กลืนผลไม้สีแดงแวววาวลูกหนึ่งลงท้องไปหมดเกลี้ยง เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา* ก็สัมผัสได้ว่าตรงท้องน้อยร้อนผ่าว ดูเหมือนจะมีกระแสความร้อนสายหนึ่งไหลผ่านเส้นชีพจรแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่างกายทำให้นางรู้สึกดีใจเหลือเกิน
ถึงแม้ฉากหน้านางจะแสดงความซาบซึ้งในบุญคุณ ทว่าภายในใจแอบกู่ร้องอย่างหลงลำพอง
ต้วนมู่ไป๋หนอต้วนมู่ไป๋ เจ้าไม่มีทางคิดถึงแน่ ในอดีตเวลาขุนพลเยี่ยนสื่อคนนี้จะขโมยผลไม้เซียนกลับถูกเจ้าเข้ามาขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า คราวนี้เจ้ากลับส่งมาป้อนถึงปากข้าเองนะ
“อาจารย์ หลังจากกินผลไม้เซียนแล้วข้าต้องรอนานแค่ไหนถึงจะฟื้นฟูวิญญาณดั้งเดิมได้เจ้าคะ”
“เร็วมากทีเดียว ครั้งนี้พอตื่นขึ้นมาก็ฟื้นฟูกลับมาแล้ว”
“อ้อ…เอ๋?” นางเบิกตากว้าง “ตื่นขึ้นมา?”
“ผลไม้เซียนรวมพลังปราณมีสรรพคุณรวบรวมวิญญาณดั้งเดิม ถ้าเจ้าไม่นอนหลับสนิทมันจะช่วยฟื้นฟูให้เจ้าได้อย่างไร”
บ้าเอ๊ย! ต้องนอนหลับอีกแล้ว?…ราวกับจะยืนยันคำพูดนั้น ร่างกายนางพลันอ่อนยวบ หมดสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมกอดเขา แม้ว่าดวงตาปรือปรอยสะลึมสะลือก็ยังพยายามจ้องหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
นางอยากด่าคน อยากกัดคน น่าเสียดายความง่วงเข้าครอบงำเต็มที่ เปลือกตาสองข้างหนักอึ้ง สติรับรู้ของนางเลือนรางอย่างรวดเร็ว
หลังจากเปลือกตาของนางปิดสนิทต้วนมู่ไป๋ก็ก้มศีรษะประทับรอยจุมพิต ปลายลิ้นไล้เลียคราบน้ำผลไม้บนริมฝีปากแดงอวบอิ่มของนาง จุมพิตแผ่วเบาพร้อมขบเม้มอย่างเชื่องช้าประหนึ่งลิ้มลองผลไม้เซียนรสชาติหอมหวานที่สุดในโลกหล้า
“หลับเถอะ ครั้งนี้พอตื่นขึ้นมาก็จะรวบรวมดวงจิตในร่างได้ครบสมบูรณ์แล้ว”
พั่วเยวี่ยที่กำลังหลับสนิทมองไม่เห็นความลึกล้ำในดวงตาของเขายามนี้ ความรักและความใคร่สะท้อนเด่นชัดผ่านนัยน์ตาสีดำสนิทไร้ก้นบึ้ง