กำแพงไฟขยายโอบล้อมเป็นวงกลม กักขังสัตว์เซียนเอาไว้ตรงกลาง ปกติสัตว์ป่าเหล่านี้หวาดกลัวไฟเป็นที่สุด ส่วนลูกไฟในมือนางก็เป็นเปลวไฟอาคมเซียนขนานแท้ แม้ว่าร้ายกาจเทียบเพลิงฌานพิสุทธิ์ไม่ได้ แต่จะข่มขู่ให้พวกมันตกใจกลัวจนปัสสาวะราดนับว่าเหลือเฟือ
แสงสว่างของเปลวไฟส่องสะท้อนยิ้มมุมปากแสนเยือกเย็นของนางยิ่งทำให้น่าสะพรึงกลัวกว่าเดิมหลายเท่า “หึๆ กลัวแล้วใช่หรือไม่”
“เซียนหญิงร้ายกาจ!”
“เซียนหญิงก้าวหน้าเร็วดั่งเทพ!”
“เซียนหญิงเป็นอัจฉริยะ!”
เหล่าสัตว์เซียนทั้งตะโกนโหวกเหวกทั้งกระโดดโลดเต้น ตบมือเปาะแปะร้องชื่นชม แต่ละตัวแววตาเปล่งประกายวิบวับเผยความเคารพเลื่อมใสเปี่ยมล้นเกินบรรยาย
พั่วเยวี่ยกลอกตาอย่างเอือมระอา โทสะที่เก็บสะสมไว้จะระเบิดก็คราวนี้ พวกสัตว์โง่เขลาแม้กระทั่งสีหน้ามนุษย์ยังมองไม่ออก นางแผ่รังสีฆ่าฟันกับรังสีชั่วร้ายชัดเจนขนาดนี้แล้วไม่นึกว่าพวกมันยังมองไม่ออกอีก
นางหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อลืมตาอีกครั้งดวงตาสองข้างก็สาดประกายคมกริบฉายแววคุกคามโหดเหี้ยมอำมหิต
“ข้าจะนับถึงสิบ ใครวิ่งช้าก็รอโดนไฟย่างสุกได้เลย”
บรรยากาศพลันเงียบสนิท ไม่มีสัตว์เซียนเคลื่อนไหวสักตัว มีเพียงสายตาอยากรู้อยากเห็นแต่ละคู่ประกอบกับสีหน้าใสซื่อไร้เดียงสาจ้องมองนางอย่างตื่นเต้นเท่านั้น
น่าโมโหชะมัดยาด!
“ไม่ได้ยินหรือ ถ้ายังไม่รีบวิ่งหนีข้าจะใช้ไฟอาคมเซียนเผาก้นพวกเจ้าให้หมด!”
เหล่าสัตว์เซียนเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ส่วนเจ้าวานรดูเหมือนจะตบมือเพราะเข้าใจกระจ่างแล้ว
“ข้าเข้าใจแล้ว เซียนหญิงอยากเล่นซ่อนหากับพวกเรา!”
ไม่ช้าก็เร็วนางคงถูกสัตว์โง่เขลาเหล่านี้ยั่วโมโหจนอกแตกตาย! พั่วเยวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง แสดงท่าทีคุกคามต่อไปอย่างอดทน
“สิ่งที่พวกเราจะเล่นกันก็คือแดนมารบุกแดนเซียน”
เหล่าสัตว์เซียนเข้าใจทุกอย่างแล้ว พวกมันแต่ละตัวรีบกลายร่างทันใด มือข้างหนึ่งถือโล่ มือข้างหนึ่งถือกระบี่ พากันกลายร่างเป็นนักรบเกราะเหล็กไปทุกตัว จากนั้นก็กระโดดข้ามกำแพงไฟ ล้อมนางเป็นวงกลมอยู่ตรงกลาง
“เซียนหญิงไม่ต้องกลัว จะปกป้องท่านเอง!”
“สาบานว่าถึงตายก็จะไม่ยอมแพ้ จะปกป้องท่านเอง!”
“จะสู้จนถึงที่สุดเพื่อปกป้องท่าน!”
“ปกป้องเซียนหญิง! ปกป้องเซียนหญิง!”
“…” นางอยากด่าอยากกัดพวกมัน ทว่าพอสบสายตาบริสุทธิ์จริงใจเหล่านั้น มองเห็นพวกมันสาบานว่าถึงตายก็จะปกป้องนางด้วยความเร่าร้อนฮึกเหิม ไฟโทสะที่เก็บสะสมมานานก็มอดดับลง
นางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าหมายความว่าให้พวกเจ้าวิ่งหนี ข้าไล่ตาม เข้าใจหรือยัง”
เหล่าสัตว์เซียนกะพริบตาปริบๆ แล้วก็เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้าอีกครั้งก่อนจะส่ายหน้าหวือ
“ไม่ต้องไล่ตาม ข้าไปกับเซียนหญิง”
“ข้าก็จะไปกับเซียนหญิง”
“ข้าก็อยากไปด้วย”
พั่วเยวี่ยร้องครางอย่างเจ็บปวด นางรู้สึกจนปัญญา ศีรษะปวดตุบๆ นางอยากตาย เพราะเหตุใดถึงพูดคุยกันยากลำบากขนาดนี้ พวกมันไม่เข้าใจภาษามนุษย์ใช่หรือไม่
ความจริงพวกมันก็ยังไม่เข้าใจภาษามนุษย์นั่นแหละ
สุดท้ายนางก็กัดฟันเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “พวกเรามาเล่นซ่อนหากัน”
พอประโยคนี้หลุดปากไปเหล่าสัตว์เซียนก็โห่ร้องยินดี ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกระจายกันออกไป เพียงพริบตาเดียวก็หนีไปซ่อนไม่เหลือสักตัว
เอาเถิด นางปลอบใจตัวเอง การซ่อนตัวก็เป็นการหลบหนีอย่างหนึ่ง ข้าสามารถใช้ลูกไฟทำให้สัตว์เซียนที่ซ่อนตัวอยู่โผล่ออกมาได้
พั่วเยวี่ยเรียกเมฆมงคล เหาะเหินออกค้นหาไปทั่วอย่างดุดัน หลังจากหนึ่งชั่วยาม* แรกผ่านไปนางก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หลังจากสองชั่วยามผ่านไปนางเริ่มนิ่งคิดใคร่ครวญ
จนกระทั่งสามชั่วยามผ่านไปแล้วนางก็ยังจับพวกมันไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว สีหน้าจึงเข้มขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
นางยังหาไม่พบ