นางสำแดงฤทธิ์วิชาปัญจธาตุอันได้แก่ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน นางทั้งขึ้นเขาลงเหว ดำน้ำมุดดิน ค้นหาจนเกือบทั่วทั้งยอดเขาวั่งเยวี่ย แม้แต่โพรงงู รังนก โพรงตัวตุ่นก็ไม่ปล่อยผ่าน ทว่าขนาดเงาผีสักตนยังไม่เห็นเลย
นางถึงขนาดไปสอบถามสายสืบอย่างนกกระเรียน หลังนกกระเรียนฟังคำขอร้องของนางกลับสยายปีกสองข้างอย่างจนใจ ท่าทางอยากช่วยเหลือแต่ไร้กำลัง นางจึงประหลาดใจว่าตัวเองประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว
เจ้าสัตว์โง่เง่าเหล่านี้เป็นยอดฝีมือด้านการเล่นซ่อนหาอย่างเหลือเชื่อ
นางเป็นถึงขุนพลเยี่ยนสื่อผู้น่าเกรงขาม ยอมเล่นซ่อนหากับเหล่าสัตว์เซียน ถ้าหากจับสัตว์หน้าขนไม่ได้เลยสักตัวนี่มิเท่ากับว่าแม้แต่สัตว์เดรัจฉานนางก็ยังเทียบไม่ได้หรือ
ไม่ได้การ จะขายขี้หน้าเกินไปแล้ว!
พั่วเยวี่ยคิดทบทวนรอบด้านหลายตลบก่อนที่ความคิดหนึ่งจะผุดวาบขึ้นมาอย่างฉับพลัน ในเมื่อตอไม้อ้วนอย่างอามู่สามารถกลายร่างเป็นโต๊ะเป็นเก้าอี้ ไม่แน่ว่าสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้อาจกลายร่างเป็นสิ่งอื่นเพื่อซ่อนเร้นอำพรางตัวก็ได้
ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงนางค้นหาจนฟ้ามืดก็คงหาไม่พบ ไม่ได้การ ข้าจะต้องหาวิธีให้ได้!
พั่วเยวี่ยขี่เมฆมงคลมุ่งหน้าไปยังเรือนลั่วสยาทันที พอเท้าแตะพื้นดินก็รีบวิ่งเข้าไปข้างในเพื่อขอความช่วยเหลือ
“อาจารย์…”
เสียงเรียกอาจารย์อ่อนหวานกว่าปกติ ต้วนมู่ไป๋ที่นอนตะแคงหลับตาทำสมาธิอยู่บนตั่งไม้เลิกคิ้วขึ้นแล้วค่อยๆ ลืมตา
ทุกครั้งที่เด็กคนนี้มีเรื่องมาขอร้องเขาจะต้องใช้เสียงอ่อนเสียงหวานเสมอ
“อาจารย์ สอนข้าเปิดตาทิพย์นะเจ้าคะ” นางไม่เสียเวลาพูดพล่ามไร้สาระ เอ่ยปากขอร้องตรงๆ เลย
ตาทิพย์เป็นอาคมหนึ่งที่ใช้เปิดโปงร่างอำพรางตัวตนของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมาร เป็นปีศาจ หรือว่าเป็นเซียน ล้วนมองทะลุรูปลักษณ์ลวงตาจนเห็นถึงโฉมหน้าที่แท้จริงได้โดยตรง
นางค้นหาสัตว์เดรัจฉานยั่วโทสะเหล่านั้นไม่เจอ พวกมันคงกลายร่างเป็นสิ่งอื่นไปแล้ว
พั่วเยวี่ยเอ่ยปากเล่าที่มาที่ไปของเรื่องราวรอบหนึ่ง ในใจก็คิดว่าบุรุษแซ่ต้วนรักเอ็นดูลูกศิษย์ปานนี้ ไม่มีทางทนมองลูกศิษย์คับอกคับใจอยู่เฉยๆ แน่
“เช่นนี้นี่เอง…” ต้วนมู่ไป๋ส่ายหน้าอย่างลำบากใจ “เจ้ายังมีพื้นฐานไม่แข็งแกร่งพอ ตอนนี้จะให้เปิดตาทิพย์คงเร็วเกินไป ไม่เหมาะๆ”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะอาจารย์ ท่านเคยบอกว่าแก่นกระดูกของข้าพิเศษกว่าใคร อาคมที่ผู้อื่นทุ่มเทเวลาเป็นปีกว่าจะเรียนได้สำเร็จข้ากลับเรียนรู้ได้หมดในเวลาแค่เดือนเดียว สอนข้าเปิดตาทิพย์เถอะนะเจ้าคะ ข้าจะต้องเรียนได้สำเร็จแน่”
บุรุษหน้าเหม็น กล้าไม่สอนข้ารึ เจ้าแอบเกียจคร้านหรือว่าหวงวิชากันแน่? หรือบางทีมีเรื่องที่ไม่อาจเปิดเผยกับผู้ใด กลัวข้าพบเห็นเข้า?
“อาจารย์ สอนข้าเถอะ ได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างดีเลย” พั่วเยวี่ยกอดแขนเขาไว้พลางออดอ้อนสุดความสามารถ จงใจใช้ทรวงอกตัวเองถูไถเนื้อตัวอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าเขาอยากหาเศษหาเลยกับลูกศิษย์หรือไร ให้เขาลิ้มรสประโยชน์หอมหวานเสียบ้างก็ใช้ได้แล้ว นางไม่เชื่อหรอกว่าลูกไม้นี้จะใช้กับเขาไม่ได้ผล
ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางคิดไว้ หลังจากเพียรขอร้องไม่เลิกราในที่สุดจิตใจบุรุษผู้นี้ก็เริ่มสั่นคลอน
“คนที่พลังบำเพ็ญเพียรยังอ่อนด้อยถ้าหากเปิดตาทิพย์จะมีอันตราย เอาอย่างนี้แล้วกัน อาจารย์จะมอบอิทธิฤทธิ์ให้เจ้าเล็กน้อยจะช่วยให้ไม่กระทบถึงรากฐานของเจ้าได้”
พอได้ยินว่าต้วนมู่ไป๋จะถ่ายทอดอิทธิฤทธิ์ให้พั่วเยวี่ยก็ตกตะลึง
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเยวี่ยเป่าคนนี้มีบุญวาสนาอะไรปานนั้น นอกจากทำให้เซียนกระบี่หวั่นไหวแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขายังยอมมอบพลังอิทธิฤทธิ์ให้ด้วย
นางไหนเลยจะรู้ว่าสำหรับต้วนมู่ไป๋แล้วมอบพลังยุทธ์ให้นางเสี้ยวหนึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ร่างกายของนางนี้ยังได้เขาถ่ายทอดพลังบำเพ็ญเพียรห้าร้อยปีให้มาแล้วเพื่อแลกกับชีวิตใหม่ของนาง
ขณะพั่วเยวี่ยกำลังตกตะลึงก็อดอิจฉาขึ้นมาบ้างไม่ได้ ย้อนคิดถึงตอนนางตามเกี้ยวเขา ในวันคล้ายวันเกิดของเขาวันนั้นนางมอบทั้งดอกไม้ กลอน และร่างกายของตน เขายังไม่แยแสเลยสักนิด ครั้นถึงคราววันเกิดของนาง พอไปเอ่ยปากทวงของขวัญเขากลับมอบเพียงสายตาเย็นชามาให้