คนนั่งอยู่ในบ้าน แต่ภัยหล่นจากฟ้าจริงๆ
“ยกหม่อมฉันที่เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ของแคว้นให้แต่งกับขันทีหรือเพคะ เหลวไหลสิ้นดีจริงๆ! ขุนนางราชสำนักเห็นด้วยหรือไม่ อดีตฮ่องเต้ทรงเห็นด้วยหรือไม่ บรรพชนราชสกุลเซียวเห็นด้วยหรือไม่!”
ภายในตำหนักฉือหนิง เซียวฉางหนิงดวงตาแดงก่ำ “ทุกคนล้วนรังแกหม่อมฉันที่มารดาผู้ให้กำเนิดจากไปเร็ว ทำให้หม่อมฉันกลายเป็นคนน่าสงสารไร้ที่พึ่งพิง”
หลายวันมานี้นางร้องไห้ก็แล้ว โวยวายก็แล้ว แต่เหลียงไทเฮาก็ใจแข็งจะขายองค์หญิงน้อยที่ไร้ที่พึ่งพิงคนนี้เป็นภรรยาของขันทีให้จงได้
เผชิญหน้ากับการร้องไห้โวยวายของเซียวฉางหนิง เหลียงไทเฮานั้นแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แค่เพียงเลื่อนประคำไม้กฤษณาห้อยจี้ทับทิมในมือ ผ่านไปครู่ใหญ่นางจึงช้อนดวงตาเรียวยาวขึ้นมาเอ่ยพลางทอดถอนใจว่า “ฉางหนิง ข้าตกลงให้เจ้าแต่งกับเสิ่นเสวียน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของข้า แต่เพื่ออดีตฮ่องเต้ เพื่อฮ่องเต้ และเพื่อไม่ให้แผ่นดินต้าอวี๋ของเราถูกทำลายด้วยมือของขันที! เสิ่นเสวียนแต่งงานกับคนในราชวงศ์แล้ว สำนักบูรพาย่อมจงรักภักดีต่อฝ่าบาท…”
ดังนั้นจึงเสียสละข้าอย่างนั้นหรือ
เซียวฉางหนิงสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทันใดนั้นนางก็ดึงปิ่นปักผมบนศีรษะลงมาจ่อไว้ที่ลำคอของตนเอง พูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “หากไทเฮาไม่ทรงถอนรับสั่ง หม่อมฉันยอมตายไม่ยอมทำตาม!”
นางใช้ชีวิตตนเองบีบบังคับ เหลียงไทเฮาเพียงแค่หัวเราะเย็นชาคราหนึ่ง แล้วมองนางก่อเรื่องอย่างเรียบเฉยราวกับกำลังดูเรื่องขำขันเรื่องหนึ่ง
เหลียงไทเฮาพูดเสียงเข้มว่า “ฉางหนิง ข้าขอพูดกับเจ้าตามตรง วันนี้ต่อให้เจ้าตายต่อหน้าข้า ศพนี้ก็ต้องสวมชุดเจ้าสาว ยกเข้าไปในสุสานบรรพชนสกุลเสิ่น ที่ผ่านมาเจ้าเป็นคนฉลาดน่าจะรู้ว่าอะไรเรียกว่า ‘ผู้ตระหนักรู้ถึงสภาพการณ์ถือว่าฉลาดเลิศล้ำ’ ”
นางหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วจึงยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง แววตาเย็นชากวาดมองใบหน้าของเซียวฉางหนิง “ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บัญชาการเสิ่นที่ผ่านมาเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย มีแค้นต้องชำระ หรือเจ้าเคยทำอะไรให้เขาเจ็บแค้นใจ หากไม่ได้ปลูกผลกรรมเอาไว้เหตุใดเขาจึงไม่หมายตาองค์หญิงคนอื่นๆ แต่เจาะจงต้องการแต่งงานกับเจ้า”
คำพูดประโยคนี้จี้จุดตายของเซียวฉางหนิงเข้าอย่างจัง คำพูดในอดีตประโยคที่ว่า ‘ข้าเกลียดคนกระตุ้งกระติ้งรังแกคนต่ำกว่าประจบคนสูงกว่าอย่างพวกเจ้าที่สุด’ เป็นเหมือนฝันร้าย วนเวียนอยู่ข้างหูไม่จางหายไป…
เซียวฉางหนิงจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเสิ่นเสวียนผู้บัญชาการสำนักบูรพาที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ อาศัยชื่อโอรสสวรรค์สั่งการขุนนางราชสำนักในตอนนี้จะเป็นคนเดียวกับขันทีน้อยเสิ่นชีที่ตกอับในอดีตคนนั้น! แล้วนางจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเขาจะจดจำความแค้นไว้หกปีเต็มเพราะคำพูดประโยคเดียว!
เห็นเซียวฉางหนิงใกล้สติแตก เหลียงไทเฮาจึงผ่อนน้ำเสียงลง เอ่ยเกลี้ยกล่อมนางว่า “ฉางหนิง ผู้ทำการใหญ่ไม่คิดเรื่องเล็กน้อย ถ้าวันนี้เจ้าไม่แต่งกับเขา วันหน้าแผ่นดินกว้างใหญ่นี้เกรงว่าคงจะเปลี่ยนไปปกครองโดยคนแซ่เสิ่นแล้ว ถ้าเจ้าแต่งกับเขาอย่างราบรื่น อย่างน้อยยังเป็นองค์หญิงคนหนึ่ง และเป็นฮูหยินผู้บัญชาการ เขาไม่กล้าฆ่าเจ้า ซ้ำยังเป็นเพียงขันทีคนหนึ่ง เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเขาทำให้ด่างพร้อย บางทีอีกไม่กี่ปีเจ้าก็สามารถกลับมาโดยไม่เสียหายได้แล้ว”
เซียวฉางหนิงประสานดวงตากับแววตาแฝงไปด้วยแผนการของเหลียงไทเฮา ในใจคิดว่าคนโง่จึงจะเชื่อคำพูดบ้าบอของท่าน! องค์หญิงที่เคยแต่งงานกับขันทีจะมีวันกลับมาโดยไม่เสียหายได้อย่างไร
เห็นเซียวฉางหนิงขัดขืนไม่พูดจา เหลียงไทเฮาจึงลุกขึ้นอย่างช้าๆ กุมมือที่สั่นเทาของเซียวฉางหนิงไว้อย่างอ่อนโยนแล้วหยิบปิ่นออกมาจากมือของนาง
สตรีที่มีความทะเยอทะยานผู้นี้จ้องตาของเซียวฉางหนิงตรงๆ พูดหลอกล่อเสียงเบา “เซียวหวนเป็นน้องชายแท้ๆ ของเจ้า ถ้าข้าไม่ทำอะไรเลย เขาก็คงตายด้วยฝีมือของเสิ่นเสวียนแล้ว ฉางหนิง เจ้าคงไม่เห็นคนตายแล้วไม่ช่วยใช่หรือไม่”
“ทรงคิดว่าแค่หม่อมฉันแต่งให้เขาแล้วจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือเพคะ”
“อย่างน้อยพวกเราก็มีโอกาส”
“ทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ”
“ช่วยเรากับฮ่องเต้ฆ่าเสิ่นเสวียนเสีย”
เซียวฉางหนิงตื่นตระหนกดวงตาเบิกโต ชักมือออกผงะถอยหลังหนึ่งก้าว
เหลียงไทเฮาหรี่ตา ยื่นคำขาดสุดท้าย “จิตใจทะเยอทะยานของสำนักบูรพาชัดเจนยากจะปิดบัง มีเพียงกำจัดขุนนางชั่วข้างกายฮ่องเต้จึงจะรักษาชีวิตคนสกุลเซียวได้ หลังจากเสิ่นเสวียนตายแล้ว ข้าจะจัดพิธีใหญ่รับเจ้ากลับตำหนัก เพิ่มศักดินาให้เจ้า เจ้าว่าเช่นนี้เป็นอย่างไร”