ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกาลั่วเสินพยายามจะลบใบหน้าบุรุษที่มีโลหิตหยาดหยดจากขอบตาดวงนั้นออกไปจากความทรงจำ จะดีที่สุดถ้าสามารถลืมได้อย่างหมดสิ้นไม่มีหลงเหลือ
ทว่าสิบปีมานี้นับครั้งไม่ถ้วนที่นางถูกฝันร้ายทำให้ตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก ขณะที่เสียงคลื่นในแม่น้ำดังแว่วมาจากที่ไกลอยู่ข้างหู เกาลั่วเสินได้แต่พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
นึกถึงค่ำคืนเข้าห้องหอที่เต็มไปด้วยโลหิตและแผนการร้าย
หลังจากผ่านมาหลายปีกระทั่งถึงวันนี้นางยังคงขบคิดไม่เข้าใจ
ตอนนั้นในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนเขาจะขาดใจ เหตุผลที่เขาไม่ได้หักคอนาง แท้จริงแล้วเป็นเพราะแรงไม่เป็นใจ หรือเขาละเว้นนางกันแน่
เกาลั่วเสินก็เคยถามตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ และทำทุกอย่างได้อีกครั้งนางยังจะยอมรับการจัดการเช่นนั้นหรือไม่
นางยิ่งเคยคิด ถ้าเมื่อสิบปีก่อนบุรุษที่ชื่อหลี่มู่ผู้นั้นไม่ได้ตายไป หากเขายังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้ เช่นนั้นเจียงจั่ว ในวันนี้จะเป็นเช่นใด
ชาวเจี๋ยที่อยู่ทางตอนเหนือเหล่านี้ยังจะมีโอกาสโจมตีเมืองเจี้ยนคังแตก จับตัวไทเฮากับฮ่องเต้ของต้าอวี๋เป็นเชลยเช่นวันนี้หรือไม่
“จับตัวนางกลับมา มีรางวัลให้อย่างงาม!” เสียงดังบาดแก้วหูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าสับสนวุ่นวายดังมาจากด้านหลัง
ทหารเจี๋ยไล่ตามมาถึงริมฝั่งแม่น้ำแล้ว พร้อมส่งเสียงตะโกนเอะอะ และมีคนลุยน้ำไล่ตามนางมาด้วย
คลื่นแม่น้ำระลอกหนึ่งซัดมาตรงหน้า นางหลับตาลงก่อนโผร่างเข้าไปรับ
แค่ชั่วพริบตาเดียวร่างทั้งร่างของนางตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ถูกกระแสน้ำกลืนหายไปไม่เห็นร่องรอย
คลื่นในแม่น้ำไม่เหมือนเมื่อครู่ก่อน จู่ๆ ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา พัดม้วนฟองสีขาวขึ้นมาเป็นชั้นๆ โอบล้อมนางไว้ทั้งตัว
ตัวของนางลอยไปมาอยู่ในน้ำ คล้ายได้รับการคุ้มครองอย่างอ่อนโยนละมุนละไมที่สุดจากครรภ์มารดา
ในลมหายใจของนาง สิ่งสุดท้ายที่ได้กลิ่นคือกลิ่นคาวจางๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะของกระแสน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
กลิ่นนี้ทำให้นางนึกถึงกลิ่นสุดท้ายของบุรุษที่ตายอยู่บนร่างนางในครานั้นเหลือทิ้งไว้ให้นางจดจำ นั่นเป็นกลิ่นของโลหิต
ประหนึ่งเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายเช่นนั้น ได้พานางกลับไปยังช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิที่เจียงหนานเมื่อสิบปีก่อน…
ปีนั้นนางอายุยี่สิบห้า เป็นช่วงวัยที่กำลังสาวและงดงาม แต่นางกลับเป็นม่ายมาเจ็ดปีแล้ว
สกุลเกาเป็นตระกูลที่มีอำนาจราชศักดิ์สูงในเจียงจั่ว เป็นตระกูลขุนนางที่โดดเด่น
เกาเฉียวบิดาของเกาลั่วเสิน ตลอดชีวิตเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นบุคคลที่ลุ่มลึกสูงส่งสง่างาม เคยดำรงตำแหน่งขุนพลผู้นำทหาร ขุนพลผู้พิทักษ์แผ่นดิน ราชเลขาธิการ และเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นเจ้ากรมโยธา ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นเซี่ยงกง มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วใต้หล้า
มารดา…เซียวหย่งจยา เป็นพี่สาวของฮ่องเต้ซิงผิง มีพระนามว่า ‘องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ’
หากตัดเรื่องวงศ์ตระกูลออกไป เกาลั่วเสินคงไม่ต่างอะไรจากชื่อ นางเพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและสติปัญญา ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองเจี้ยนคัง เจ็ดปีมานี้มีผู้มาทยอยทาบทามสู่ขอกันอย่างไม่ขาดสาย ล้วนเป็นบุตรหลานขอตระกูลขุนนางที่ทัดเทียมคู่ควรกับสกุลเกาเกือบทั้งสิ้น
แต่เกาลั่วเสินจิตใจสงบนิ่งดุจน้ำ เก็บเนื้อเก็บตัวยิ่ง น้อยครั้งนักที่จะออกจากบ้าน
กระทั่งวันหนึ่งนางถูกเรียกตัวเข้าวังหลวง
นับแต่นั้นชีวิตที่เงียบสงบก็ถูกทำลายแล้ว…