ทดลองอ่าน ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา บทที่ 11-บทที่ 12 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา บทที่ 11-บทที่ 12

เป็นเวลากลางยามไฮ่ แล้ว

ปกติช่วงเวลานี้จวนสกุลเกาจะปิดประตูแล้ว และเกาลั่วเสินก็จะเข้านอนไปนานแล้ว

แต่คืนนี้ทั้งจวนสกุลเกากลับยังจุดโคมไฟสว่างไสว เกาชีพาบ่าวไพร่ในจวนชะเง้อคอรอคอยการกลับมาของเจ้าบ้านฝ่ายชายอยู่ที่ลานด้านนอก

เกาลั่วเสินยามนี้กำลังอยู่เป็นเพื่อนเซียวหย่งจยา

เซียวหย่งจยาเห็นบุตรสาวอ้าปากหาวจึงบอกให้นางกลับห้องไปนอนก่อน

เวลาเช่นนี้ต่อให้ง่วงนอนเพียงใด เกาลั่วเสินก็ไม่มีทางไปนอนก่อนแน่

นางถ่างตาจนกลมโต สั่นศีรษะ “ลูกไม่ง่วงเจ้าค่ะ ลูกจะรออาเหยียกลับมา อาเหนียง ลูกจะช่วยหวีผมให้ท่าน”

เกาลั่วเสินมีเส้นผมที่ดำขลับงดงาม ตอนปล่อยสยายอยู่ภายใต้แสงโคมแลคล้ายผ้าแพรไหมเนื้อดีที่งดงามเป็นมันวาว เหล่านี้ล้วนได้มาจากมารดาเซียวหย่งจยาทั้งสิ้น

เส้นผมดำทั้งศีรษะของเซียวหย่งจยางามจนเคยมีคนใช้เงินพันตำลึงจ้างคนแต่งบทกวีให้ เรื่องนี้ถึงกับแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง

เกร็ดประวัติเรื่องนี้ เมื่อปีกลายมีอยู่ครั้งหนึ่งอาจวี๋ดื่มสุราเมาแล้วตอนพูดจ้ออยู่กับเกาลั่วเสินได้หลุดปากพูดออกมาโดยไม่เจตนา เล่าว่าตอนองค์หญิงใหญ่โตพอๆ กับเกาลั่วเสินในเวลานี้ เวลานั้นสกุลมู่หรงแห่งเซียนเปยยังไม่ถูกล้มล้าง ยังจงรักภักดีอยู่ภายใต้ร่มธงของต้าอวี๋ เคยส่งทูตลงใต้มาที่เมืองเจี้ยนคัง เข้าเฝ้าอดีตฮ่องเต้

ตอนนั้นในคณะทูตมีชายหนุ่มเชื้อพระวงศ์เซียนเปยผู้หนึ่ง บังเอิญได้พบองค์หญิงชิงเหอเข้าในงานเลี้ยงฉลองที่อดีตฮ่องเต้จัดขึ้นเพื่อต้อนรับคณะทูต และเกิดความลุ่มหลงในตัวองค์หญิง ไม่เพียงเลียนแบบคนทางใต้ทุ่มเงินก้อนโตจ้างคนแต่งบทกวี ถ่ายทอดความเลื่อมใสศรัทธาที่ตนมีต่อองค์หญิง ถึงกับยังหวังว่าต้าอวี๋จะยอมให้องค์หญิงแต่งงานกับตนด้วย

แน่นอนว่าอดีตฮ่องเต้จะยอมให้องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ พระธิดาที่ทำให้ตนภาคภูมิใจแต่งไปอยู่แคว้นใต้อาณัติทางเหนือ ที่ฐานะบ้านเมืองไม่มั่นคงจะล้มมิล้มแหล่ได้อย่างไร จึงอ้างเหตุผลว่าองค์หญิงได้หมั้นหมายแล้ว ปฏิเสธชาวเซียนเปยผู้นั้น ชาวเซียนเปยผู้นั้นจึงจากไปด้วยความผิดหวัง

ผ่านไปหลายปีสิ่งของทุกอย่างยังอยู่คงเดิมแต่คนเปลี่ยนไปแล้ว

องค์หญิงในอดีตเวลานี้เป็นมารดาคนแล้ว ส่วนบ้านเมืองของชาวเซียนเปยก็ถูกชาวเจี๋ยล้มล้างไปเช่นกัน มู่หรงซีเชื้อพระวงศ์ผู้นั้น หลังจากยอมจำนนต่อเป่ยซย่า ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นต้าหนิงโหว เนื่องจากเชี่ยวชาญการยกทัพจับศึก จึงได้รับการขนานนามว่าขุนพลผู้ห้าวหาญอันดับหนึ่งแห่งทางเหนือ

ส่วนบทกวีที่แลกมาด้วยเงินก้อนโตบทนั้นก็สลายกลายเป็นคลื่นหมอกควันเหนือผิวน้ำบนแม่น้ำฉินไหว* ไปนานแล้ว ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ให้เห็นอีก

แต่จากคำพูดของอาจวี๋ บทกวีทั้งบทบรรยายได้อย่างลึกซึ้งมีสีสัน ใช้วาทศิลป์ต่างๆ ที่งดงามที่สุดพรรณนาและชื่นชมความงามขององค์หญิงอย่างไม่สงวนถ้อยคำแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเส้นผมดำขลับนั่น ยิ่งพรรณนาจนทำให้คนหลงใหลใฝ่ฝันหาในความงาม

ตอนนั้นหลังจากอาจวี๋ฟื้นจากความเมามายก็เอาแต่ปฏิเสธ บอกที่เล่ามาทั้งหมดตนเสกสรรปั้นเรื่องขึ้นมาเอง บอกเกาลั่วเสินอย่าถือเป็นเรื่องจริงจังเป็นอันขาด

ไม่ว่าเรื่องที่อาจวี๋พลั้งปากเล่ามาหลังจากดื่มสุราจะจริงหรือเท็จ ส่วนลึกของหัวใจเกาลั่วเสินก็ยังรู้สึกว่าเรื่องในอดีตของบิดามารดามีแต่ยิ่งถูกปิดคลุมไปด้วยความลึกลับอีกชั้นหนึ่ง

เซียวหย่งจยาแม้เวลานี้จะอยู่ในวัยสามสิบหกปีแล้ว แต่เส้นผมยาวทั้งศีรษะยังคงดำขลับเป็นประกายแวววาว

คืนนี้อาเหยียจะกลับมาแล้ว

ด้วยความรู้สึกส่วนตัวเล็กๆ ที่ไม่อาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ของตน เกาลั่วเสินพลันอยากจะช่วยหวีผมให้มารดา เส้นผมจะได้ดูแล้วยิ่งนุ่มลื่นสลวยเงางาม ตราตรึงประทับใจคน

เกาลั่วเสินหยิบหวีหยกสีเขียวอมดำ กดร่างเซียวหย่งจยาให้นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ตนเองนั่งอยู่ด้านหลังนาง หันหน้าเข้าหาคันฉ่องแล้วหวีผมให้มารดาอย่างเบามือ

หลังจากหวีเสร็จเกาลั่วเสินก็เรียกสาวใช้ฝีมือดีมาเกล้ามวยผมทรงหุยซิน ที่มารดาชื่นชอบ แล้วใช้นิ้วก้อยของตนแตะขี้ผึ้งทาปากกุหลาบที่เพิ่งปรุงขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อนเล็กน้อย แตะไปที่กลีบปากทั้งสองของมารดาเบาๆ

ขี้ผึ้งทาปากชุ่มชื้นและเนียนละเอียด เมื่อแต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากก็ดูงามสดใสดุจบุปผา กลิ่นหอมจางซึมซาบเข้ามาในจมูก

เกาลั่วเสินปกติไม่ค่อยชอบใช้ของเหล่านี้ แต่ก็ชอบกลิ่นเช่นนี้

ระหว่างที่นางมือไม้ยุ่งวุ่นวาย เซียวหย่งจยาแม้ปากจะบ่นว่าไม่หยุด แต่กลับยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ยิ้มพลางปล่อยให้บุตรสาวช่วยหวีผมแต่งแต้มริมฝีปากให้ตน

“อาเหนียง อาเหยียเหน็ดเหนื่อยเพียงนั้น ลำบากไม่น้อยกว่าจะได้กลับบ้าน ตอนกลางคืนท่านก็อย่าไล่เขาไปนอนที่ห้องหนังสือเลย ดีหรือไม่”

เกาลั่วเสินชะโงกหน้ามาจากด้านหลัง แขนที่นุ่มนิ่มสองข้างโอบกอดหัวไหล่ทั้งสองของเซียวหย่งจยา แนบริมฝีปากมาที่ข้างใบหูนาง เอ่ยวิงวอนขอร้องเบาๆ

เซียวหย่งจยาหันหน้ามา มองสบนัยน์ตาสุกใสแวววาวเจือไปด้วยการเฝ้ารอคอยคู่นั้นของบุตรสาว ในใจพลันแปลบปลาบ

ยังไม่ทันได้เปิดปากก็ได้ยินเสียงอาจวี๋ดังมาจากข้างนอก “เรียนองค์หญิงใหญ่ เซี่ยงกงกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”

เกาลั่วเสินหันไปมองมารดาทันที

เซียวหย่งจยาเบือนหน้าไป กล่าวเสียงราบเรียบ “พวกเจ้าออกไปต้อนรับก็แล้วกัน”

เกาลั่วเสินรู้ว่าไม่อาจใจร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะคาดหวังให้มารดาออกไปต้อนรับบิดาในตอนนี้เหมือนกับตน นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นางจึงพยักหน้า “อาเหนียงพักผ่อนก่อน ลูกจะไปต้อนรับอาเหยีย”

เกาเฉียวเดินเข้ามาในโถงด้านหลัง เห็นบุตรสาวออกมาต้อนรับตนแต่ไกล ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มทันที สาวเท้าเร็วๆ เข้ามาด้านใน

คนในครอบครัวได้พบหน้ากันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด เนื่องจากค่อนข้างดึกแล้วพูดคุยกันได้ไม่กี่คำเกาเฉียวก็บอกให้เกาลั่วเสินกลับห้องไปพักผ่อน

“อาเหยีย เพิ่งจะไม่กี่เดือน ท่านก็ผอมและดำไปมาก วันนี้ท่านคงเหนื่อยแล้ว เช่นนั้นก็พักผ่อนเร็วหน่อยเถิด อาเหนียงยังไม่นอน อยู่ในห้องเจ้าค่ะ”

ก่อนเกาลั่วเสินจะจากไป ได้หันไปกล่าวกับบิดา

เกาเฉียวยิ้มพลางพยักหน้า มองอาจวี๋เดินเป็นเพื่อนบุตรสาว รอจนเงาร่างทั้งสองค่อยๆ หายลับไป สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมแล้ว สั่งบ่าวไพร่ในส่วนต่างๆ ให้แยกย้ายกันไป

มีบ่าวไพร่จัดเตรียมน้ำอาบไว้ให้แล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จ เกาเฉียวสวมเสื้อตัวในสีขาวที่สวมเป็นประจำเวลาอยู่บ้าน เดินไปห้องนอนด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง

ประตูแง้มอยู่ ข้างในแสงเทียนส่องสว่าง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

    By

    บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงขนสิ่งเหล่านี้กลับกอง...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่าดำออกจากหมู่บ้านมาก็...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ่า เงาดำสายหนึ่งพลัน...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.4-2.6

    By

    บทที่ 2-4 สามีภรรยาปลอม   6   บนหอทองล่วงเข้ากลางคืนแล้ว รอบด้านล้วนจุดโคมไฟ เปลวไฟลุกโชติช่วง ในมุมที่ซย่าชิงยวนนั่งอยู่นางสามารถมองเห็นสัน...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเร้น ภายใต้ผืนนภาราตร...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3

    By

    บทที่ 2-1 สามีภรรยาปลอม   1   เมื่อลู่หย่วนเดินมาถึงหน้าประตูก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ผลักประตูเปิดออก สิ่งที่ทำให้เขาสติหลุดล...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญู เบื้องหน้าท้องพระโ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com