อาศัยการเกี่ยวดองผ่านการสมรสด้วยความปรารถนาอันดีมาสลายการป้องกันตัวของหลี่มู่
ส่วนนางรับหน้าที่เป็นคนที่ใช้ความงามหลอกล่อเย้ายวน เอาสุรารินลงในจอกที่มียาพิษส่งถึงมือหลี่มู่ ให้เขาดื่มลงไปอย่างไม่ระแวดระวังตัวแม้แต่น้อย
แขกเหรื่อที่ห้องโถงด้านหน้า ยามนี้ยังดื่มกินฉลองกันอย่างสนุกสนาน ใครเลยจะคาดคิดว่าในห้องหอด้านในอันงดงามถึงกับกำลังเปิดฉากแผนการร้ายที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ประกายดาบผุดวาบโลหิตไหลนองเช่นนี้
นางเย็นเฉียบไปทั้งร่าง สองขาอ่อนยวบแทบจะยืนไม่อยู่
เกาลั่วเสินได้ลู่ฮ่วนจือประคองไว้ตอนนางเดินผ่านข้างกายเขา นางมองเงาด้านหลังสูงใหญ่ที่ก้มงออยู่กับพื้นล่างนั้น
‘อาเส่า รีบไป!’
ลู่ฮ่วนจือดูตื่นเต้นผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยเร่งรัดเกาลั่วเสินไม่หยุด
ทางหนึ่งคืออาเจี่ย คนจากตระกูลของอดีตสามี ราชวงศ์ ทางหนึ่งคือคนแปลกหน้าที่นับคืนนี้เข้าไปด้วยก็เพิ่งเคยเจอหน้ากับตนเพียงสองครั้ง
ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว
ถึงแม้นางจะไม่ได้สมัครใจ แต่ถึงตอนนี้อะไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
นางหลับตา น้ำตาไหลพรากลงมา หันหน้าหนีไปด้วยร่างกายที่สั่นเทา ขณะก้าวเท้าจะตามลู่ฮ่วนจือจากไป พลันมีมือข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านข้าง คว้าข้อเท้านางไว้ทันที มือที่เต็มไปด้วยเรี่ยวแรงกุมข้อเท้านางแน่นจนรู้สึกเจ็บราวข้อเท้าจะแตก
เกาลั่วเสินก้มหน้าลงช้าๆ มองสบกับสายตาทั้งสองของหลี่มู่ที่อยู่บนพื้น
เขานอนอยู่ที่นั่นและลืมตาอยู่ ศีรษะหันมาทางนาง ใบหน้าซีดเผือด บิดเบี้ยว ส่วนลึกในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นโลหิตที่แตก
โลหิตแดงฉานสายหนึ่งไหลคดเคี้ยวจากในดวงตาของเขาลงมาตามใบหน้า อาบย้อมจนดูเหมือนแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีโลหิตไปแล้ว แววตาเหี้ยมโหดดุดันสีโลหิตนั่นจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของนางไม่ขยับ
‘ไม่ใช่…’ นางสั่นศีรษะ
ไม่ใช่นาง…
ทว่าเพิ่งจะเปิดปากเสียงพูดกลับสั่นเครือติดอยู่ในลำคอ ไม่ว่าอะไรก็พูดไม่ออกทั้งสิ้น มีเพียงประกายน้ำตาที่วิบวับอยู่ในดวงตาทั้งสอง
‘หลี่มู่ เจ้าสังหารญาติของข้า ข้าสาบานจะไม่อยู่ร่วมโลกกับเจ้า! คืนนี้ก็คือวันตายของเจ้า รับความตายเถิด!’
ลู่ฮ่วนจือขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เงื้อกระบี่ในมือขึ้นแล้วฟันลงไปยังแขนของหลี่มู่ข้างที่จับข้อเท้าเกาลั่วเสินเอาไว้
‘ไม่!’
เกาลั่วเสินหลับตาลงทันที
พริบตาถัดมานางรู้สึกว่าข้อเท้าเบาโล่ง ตามมาด้วยเสียงปลายกระบี่แทงเข้าเนื้อดังฉึก ข้างกายมีคนล้มลงไป
นางตัวสั่นพั่บๆ น้ำตายิ่งไหลหนัก ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา ฉับพลันร่างนางก็ชะงักค้างไปทันที
นางเห็นหลี่มู่ถึงกับยันตัวขึ้นมา คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้น
ในมือข้างหนึ่งของเขากุมกระบี่ยาวที่แย่งมาจากมือของลู่ฮ่วนจือเอาไว้แน่น หลังมือมีเส้นโลหิตปูดโปนอยู่เต็มไปหมด คล้ายว่ามันจะปริออกมาจากผิวหนัง
โลหิตสดไหลไปตามคมกระบี่ หยาดหยดจากปลายกระบี่ลงมาเป็นหยดๆ สู่พื้น
ส่วนลู่ฮ่วนจือล้มคว่ำอยู่ข้างเท้านางไปแล้ว
ร่างกายของเขาเกร็งกระตุกน้อยๆ ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง ขณะที่แววตาค่อยๆ เลื่อนลอย ในสีหน้าเขายังคงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตรงตำแหน่งหัวใจของเขามีรูแผลเพิ่มขึ้นมารอยหนึ่ง
กระบี่เดียวทะลุหัวใจ…
โลหิตไหลทะลักออกมา อาบย้อมเสื้อผ้าของเขาจนกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ ไหลลงมาที่พื้น
เกาลั่วเสินไม่อาจทานทนต่อไปได้อีก ร่างอ่อนระทวยลงกับพื้น หอบหายใจคำโตๆ ราวกับคนที่จมน้ำ
หลี่มู่กระอักโลหิตสีดำคล้ำออกมาคำโต จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น เอาปลายกระบี่ยันพื้นประคองร่างไว้ กระทั่งยืนขึ้นมาช้าๆ ในที่สุดก็เหยียดแผ่นหลังขึ้นตรง
‘ข้าอยู่ที่นี่! จะเอาชีวิตข้าก็เข้ามา!’
เขามองจ้องเซียวเต้าเฉิงที่อยู่ด้านหน้า นัยน์ตาโลหิตสาดประกายวิบวับ ตวาดเสียงเฉียบขาด
ทุกคนในที่นั้นต่างตะลึงงันแล้ว ทหารชุดเกราะถูกจิตสังหารของเขาสั่นสะเทือนและสยบจิตใจลงได้ กระบี่และดาบที่เงื้ออยู่ในมือพากันชะงักค้างไปชั่วขณะ
‘สังหารเขาเสีย! ข้ามีรางวัลให้อย่างงาม!’
เซียวเต้าเฉิงร้องขึ้น
ทหารชุดเกราะหันมามองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วกรูเข้าไปหาหลี่มู่พร้อมกัน
จุดที่หลี่มู่กวัดแกว่งแขนไปนั้น ศีรษะที่สวมหมวกเหล็กศีรษะหนึ่งก็ถูกตัดร่วงลงพื้น
โลหิตฉีดพุ่งเป็นสายออกมาจากลำคอที่ถูกตัดขาด ประหนึ่งฝนโลหิตที่ตกลงมาเต็มท้องฟ้า สาดกระจายเต็มพื้น
‘ใครขวางข้า…ตาย!’
หลี่มู่นัยน์ตาแดงฉานไปด้วยโลหิต ในมือถือกระบี่ที่มีโลหิตหยาดหยด สืบเท้าทีละก้าวๆ มาข้างหน้า
เหล่าทหารชุดเกราะใบหน้าซีดเผือด