มีอะไรบางอย่างที่ทั้งร้อนผ่าวและชุ่มชื้นคล้ายหยาดน้ำฝนหยดกระเซ็นแหมะๆ ลงมาบนใบหน้าของนาง
เกาลั่วเสินลืมตาขึ้นมาช้าๆ ท่ามกลางดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตา นางเห็นใบหน้าดวงนั้นของเขาหยุดอยู่เหนือหน้าผากตนเพียงระยะห่างครึ่งชุ่น
เขามองจ้องนางเขม็งด้วยสีหน้าแข็งทื่อ โลหิตที่ไหลออกมาจากดวงตาหยดกระเซ็นลงบนใบหน้าของนาง
‘ต้าซือหม่า ปล่อยตัวอาเม่ย เดี๋ยวนี้!’
คล้ายเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และก็คล้ายเวลาผ่านไปนานชั่วกาล พลันมีเสียงตวาดด้วยความร้อนใจยิ่งดังมาจากด้านนอกประตูห้องหอ
เกาอิ้นญาติผู้พี่ชายร่วมสกุลของเกาลั่วเสินเร่งรุดมาถึงแล้ว
หลี่มู่ทำเป็นไขสือไม่ฟัง สองมือยังคงกุมอยู่ที่ลำคอของเกาลั่วเสิน มองนางโดยไม่ละสายตา เพียงแต่เส้นใยชีวิตสุดท้ายในดวงตาค่อยๆ จางลง กระทั่งเลือนหายไปในที่สุด
ศีรษะของเขาพลันอ่อนยวบทับลงมา หน้าผากแนบติดกับใบหน้าของนาง ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอีก
กระนั้นนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยโลหิตนั่นกลับยังคงเบิกโพลงอยู่…ไม่เคยปิดลง
หลี่มู่เทพแห่งสงครามในตำนานแห่งราชวงศ์ใต้ ผู้ซึ่งเคยค้ำจุนแผ่นดินครึ่งหนึ่งของใต้หล้าที่ขึ้นมาสูงตระหง่านด้วยกำลังของตนเองก็สิ้นชีพลงเช่นนี้ในค่ำคืนเข้าห้องหอของเขา
คนสนิทของเขา…ในค่ำคืนนั้นกว่าครึ่งเมามาย ทั้งหมดล้วนถูกกำจัด
และข่าวที่ว่าอาการบาดเจ็บเดิมของเขากำเริบจนเสียชีวิตนั้น หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งเดือนถึงได้ปล่อยข่าวออกมา
คนภายนอกเพียงบอกสวรรค์ริษยาผู้กล้า พูดถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ในการยกทัพไปปราบปรามทางเหนือที่เขาดำเนินการมานานปีว่าต้องล้มเหลวเอาเมื่องานใกล้สำเร็จ ไม่มีใครไม่ทอดถอนใจด้วยความเสียดาย
เกาไทเฮาพาฮ่องเต้เยาว์วัยมาประกอบพิธีไว้อาลัยให้หลี่มู่ด้วยตนเอง แต่งตั้งบรรดาศักดิ์ จัดงานศพให้อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ
เกาลั่วเสินป่วยหนักอยู่ระยะหนึ่ง
นางรู้ความจริงแล้ว ทั้งหมดเป็นฝีมือของเหล่าหมัว ที่เกาไทเฮาส่งมาอยู่ข้างกายนางเพื่อช่วยจัดการเรื่องงานแต่งคนหนึ่ง ในคืนวันเข้าห้องหอคนผู้นั้นได้แอบเอาเฮ่อติ่ง ทาไว้ที่จอกสยง ใบนั้นไว้ มันไร้สีไร้กลิ่น เมื่อเจอน้ำก็ละลาย
หลังเกิดเรื่องเกาไทเฮาได้มาเยี่ยม โดยบอกกับเกาลั่วเสินว่าปกติหลี่มู่เตรียมการป้องกันรอบคอบยิ่ง ถ้าคิดจะกำจัดเขาต้องลงมือแล้วเห็นผลในครั้งเดียว หาไม่จะต้องถูกตอบโต้กลับ เท่ากับหาหนทางไปสู่ความตายให้ตนเอง
ใช้วิธีนี้กำจัดเขา นางเองก็ทำไปด้วยความจำใจ
ส่วนที่ไม่ได้บอกให้เกาลั่วเสินรู้ก่อน เพราะกลัวว่าหลังจากนางรู้เรื่อง คำพูดและการกระทำอาจผิดปกติ ด้วยความละเอียดรอบคอบของหลี่มู่ เกรงจะทำให้เขาเกิดความระแวงสงสัย ถึงตอนนั้นไม่เพียงไม่อาจกำจัดเขา กลับจะชักนำภัยมาถึงตัวได้
เกาไทเฮาบอกที่นางตัดสินใจทำเช่นนี้ หาใช่เพื่อเติงเอ๋อร์เสียทั้งหมด แต่ยังเพื่อสกุลเกาด้วย
ถ้าวันหน้าหลี่มู่ได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ เขาจะดีต่อเหล่าตระกูลขุนนางได้อย่างไร สกุลลู่กับสกุลจูในวันนี้คือหลักฐานที่เห็นได้ชัด
ตอนเกาไทเฮาชี้แจง เกาลั่วเสินหลับตาฟังอยู่ตลอด มีเพียงสีหน้าเฉยเมย
รอจนเกาไทเฮาชี้แจงจบ นางจึงลืมตาขึ้นมาช้าๆ ยิ้มอย่างเย็นชา
‘อาเจี่ย การยอมให้ชาวฮั่นต้องสูญเสียดินแดนทางเหนือไปตลอดกาล ก็ไม่ยอมให้ราชวงศ์สกุลเซียวต้องสูญเสียใต้หล้าที่สงบสุขผืนนี้ไป นี่จึงจะเป็นสิ่งที่ท่านคิดอยู่กระมัง’
เกาไทเฮาหน้าแดงเล็กน้อย นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา
‘หวังว่าต้าอวี๋เราจะเจริญรุ่งเรืองยืนยาว เป็นเช่นที่ท่านปรารถนา เช่นนี้ข้าก็นับว่าได้ใช้คืนน้ำใจที่ท่านมีต่อข้าเมื่อก่อนแล้ว’
นางจ้องเกาไทเฮาพลางเอ่ยขึ้น
เกาลั่วเสินถูกน้ำที่ไหลทะลักมาจากสี่ทิศแปดทางโอบล้อมไว้
ถ้าชาติหน้ามีจริง บุรุษผู้นั้นก็จดจำเรื่องราวในอดีตได้ เมื่อพบหน้ากันอีกครั้งควรจะทำอย่างไรดี
ลมหายใจสุดท้ายในช่องอกหลุดลอยตามความคิดสุดท้ายที่ผุดวาบขึ้นมาในหัวเกาลั่วเสินแล้วจางหายไป
นางค่อยๆ จมลงไปในโลกที่มืดมิดไร้ขอบเขต ไปตามกระแสน้ำในฤดูใบไม้ผลิ