ความจริงเขาใช่จะมองไม่ออก ที่สวี่มี่กดความดีความชอบของหลี่มู่ หาใช่มาจากข้ออ้างที่บอกว่า ‘ความดีความชอบอย่างหนึ่งไม่อาจปูนบำเหน็จสองครั้ง’
คิดดูแล้วน่าจะเป็นเพราะสวี่มี่ระแวงว่าหลี่มู่มีเจตนาจะไปพึ่งพาอาศัยเกาเฉียว ครั้งนี้ถึงได้เสี่ยงชีวิตลืมตาย ฝ่าอันตรายไปช่วยเกาหวนกลับมาจากแนวหน้า
ด้วยกำลังการต่อสู้และความกล้าหาญในขั้นนี้ ไม่ต้องพูดถึงต้าอวี๋ ต่อให้ทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนจงหยวน แม้แต่มู่หรงซีชาวเซียนเปย แห่งแคว้นซย่าที่ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลผู้ห้าวหาญอันดับหนึ่งในใต้หล้าผู้นั้น เกรงว่าก็ไม่แน่ว่าจะทำได้
ขุนพลที่กล้าหาญเช่นนี้ถ้ามีใจคิดเป็นอื่น กล่าวสำหรับสกุลสวี่แล้ว เกรงว่าคงยอมสังหารทิ้งก็ไม่ยอมให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์ได้
จากการคาดเดาของหยางเซวียน ครั้งนี้สวี่มี่น่าจะฉวยโอกาสนี้ตักเตือน เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักระยะก็คงแสดงท่าทีออกมา
ครั้นหยางเซวียนคิดมาถึงเรื่องนี้ ทั้งเห็นหลี่มู่เองก็คล้ายไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้สักเท่าไร จึงเลิกล้มความคิดไป
“หลินชวนหวังก็ถูกสังหารไปแล้ว ที่เหลือก็น่าจะเป็นการรับมือกับสถานการณ์ทางเจียงเป่ย เจ้าก็พักผ่อนให้ดีสักหลายๆ วัน อีกไม่กี่วันเกรงว่าต้องยกทัพกลับจิงเซียง ถึงตอนนั้นจะต้องตรากตรำเดินทางไกลอีก”
หลี่มู่บอก “เมื่อครู่ผู้น้อยกำลังจะไปหาท่านขุนพลเพื่อหารือเรื่องหนึ่ง ทัพใหญ่เราแต่ไรมาเพียงให้กองกำลังทหารที่เข้มแข็งตั้งมั่นอยู่แถบเมืองชายแดนกับเมืองจิงเซียง เพื่อร่วมมือประสานกันในการรับมือกับข้าศึกทางตอนล่างของแม่น้ำ แต่ทางแถบอี้หยาง การป้องกันกลับว่างเปล่า ถ้าชาวเจี๋ยเปลี่ยนมาโจมตีอี้หยาง ไม่ว่าจิงเซียงหรือแม่ทัพเกาที่ก่วงหลิง ทั้งหัวท้ายเกรงว่าล้วนเตรียมการป้องกันไม่ทัน หากถูกตีแตก ถึงตอนนั้นเกรงว่าสถานการณ์คงยากแก่การรับมือ”
หยางเซวียนหาได้ใส่ใจ “ชัยภูมิที่มีความสำคัญที่สุดของจิงเซียงคือทางต้นน้ำของแม่น้ำ แต่ไรมาคนทางเหนือถ้าต้องการจะยึดเจียงหนานจะต้องวางแผนยึดครองเซียงหยางให้ได้ก่อน ด้วยเหตุนี้ซือถูจึงเฝ้าดำเนินการมาหลายปี อี้หยางหาใช่สถานที่ที่จำเป็นต้องบุกเข้ามา ไหวเป่ยยิ่งข้ามแม่น้ำไม่สะดวก ถึงโจมตีอี้หยางได้ จะลงใต้ก็ไม่มีหนทางที่สะดวก มีแต่สายน้ำและภูเขาที่อันตราย ไม่สะดวกอย่างยิ่ง เจ้ากังวลเกินไปแล้ว”
หลี่มู่กล่าว “ผู้น้อยได้ยินว่าอี้หยางมีทางลัดลงใต้ที่สะดวกเส้นทางหนึ่ง เพียงแต่มีน้อยคนที่จะรู้ เมื่อก่อนเคยจับสายลับที่ชาวเจี๋ยส่งมาได้ในบริเวณใกล้เคียง ผู้น้อยยินดีจะนำทหารในสังกัดสามร้อยนายออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าไปที่อี้หยางก่อน แล้วดำเนินการตามสถานการณ์”
หยางเซวียนตื่นตะลึง “เจ้ากังวลใจเช่นนั้นจริงหรือ”
“ท่านขุนพลได้โปรดมีคำสั่ง!”
หยางเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า
“ก็ดี ป้องกันไว้ก่อน ข้าจะมอบตราสั่งการทหารให้เจ้า เจ้าข้ามแม่น้ำไปที่อี้หยางก่อน โยกย้ายกองกำลังทหารที่อี้หยางได้ ถ้าไหวเป่ยมีการเคลื่อนไหวอะไรผิดปกติให้รีบรายงานทันที”
“ผู้น้อยขอบคุณท่านขุนพล!”
หยางเซวียนตบๆ บ่าเขา “ไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถิด พรุ่งนี้เช้ายังต้องเดินทาง!”
ยามโฉ่ว…ค่ายทหารที่เดิมเสียงดังอึกทึกพลันเงียบสงัดลงอย่างสิ้นเชิง
ทุ่งกว้างนอกเมืองตันหยางมีแต่ความมืดมิด บริเวณรอบๆ ค่ายทหารเหลือเพียงเศษกองไฟจุดเล็กๆ ส่องให้เห็นเงาร่างของทหารที่ออกตรวจตราตอนกลางคืน
สีสันยามราตรีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แสงจันทร์ส่องสะท้อนสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ความในใจมากมาย ซุกซ่อนอยู่ใต้กระแสคลื่น ไหลไปตามสายน้ำที่โหมซัดสาดไปทางตะวันออก เหลือเพียงเรื่องราวทางโลกเหมือนหมากรุก จิตใจคนดุจใบหน้า
เสียงกระแสน้ำดังเป็นระยะ หลี่มู่ยืนอยู่ริมแม่น้ำ เบิกตามองจันทร์กระจ่างเหนือผิวน้ำ เงาด้านหลังนิ่งสงบ
ในที่ไม่ไกลจากข้างหลังเขาเท่าไร ทหารบนหลังม้าสามร้อยนายแต่งกายเรียบร้อยรออยู่อย่างสงบ เพียงรอเขาสั่งการคำเดียวก็พร้อมออกเดินทางทันที
ทัพซย่าอยู่ที่อี้หยาง พร้อมจะเปิดฉากโจมตีอย่างฉับพลัน สงครามระหว่างเหนือใต้ครั้งก่อน สุดท้ายแม้จะจบลงด้วยต้าอวี๋ที่อ่อนแอมีชัยชนะเหนือผู้แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากช่วงแรกสูญเสียอี้หยางไป จึงถูกทัพซย่าทำทางทะลุลงใต้ เจียงตงเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันอย่างยิ่ง สงครามดำเนินติดต่อกันอยู่ปีกว่าถึงได้ยุติลง
แต่ทั้งหมดนี้กำลังจะถูกเปลี่ยนแปลง เริ่มจากคืนนี้เป็นต้นไป
‘นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตที่เหลืออยู่ของข้าภรรยา ขอฝากไว้กับหลางจวิน’
คำพูดในอดีต บัดนี้คนไม่อยู่ แต่เสียงยังคงไม่จางหาย ยังดังวนเวียนอยู่ข้างหูเขา ประหนึ่งเสียงคลื่นในแม่น้ำที่ดังอยู่ทุกค่ำคืน
หลี่มู่หันหน้าไปโต้สายลมยามราตรี สุดท้ายก็มองไปยังไถเฉิงที่สุดปลายขอบฟ้าอันมืดมิดซึ่งไม่อาจมองเห็นได้แวบหนึ่ง แล้วหมุนตัวกลับมา
ทหารม้าติดอาวุธเบาสามร้อยนายควบม้าห้อตะบึงไปตามริมแม่น้ำมุ่งหน้าไปทางตะวันตก ท่ามกลางเสียงก้องกังวานของเกือกม้าที่ย่ำพื้น ทั้งขบวนก็หายลับไปภายใต้สีสันยามราตรีอย่างรวดเร็ว
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือแสงจันทร์ขาวกระจ่าง ซึ่งสาดส่องริมแม่น้ำที่ไหลไปทางทิศตะวันออกอยู่เงียบๆ สายนั้น จากรุ่นสู่รุ่นปีแล้วปีเล่า ชั่วกาลนานไม่มีวันหยุด