จนกระทั่งวันหนึ่งอี๋อวี้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว แม้มีหลายครั้งหลายหนที่เธอฟังไม่เข้าใจดังเก่า แต่เธอในตอนนี้ไม่เป็นเหมือนสมัยเด็กๆ ที่จะบอกเสียงดังอย่างทื่อๆ ว่า ‘ไม่เข้าใจ’ ในขณะที่คนอื่นตะโกนว่า ‘เข้าใจแล้ว’ เธอจะปิดปากเงียบ จากนั้นทำเครื่องหมายตรงจุดที่ฟังไม่รู้เรื่องไว้ก่อน รอมีเวลาว่างเมื่อไรก็จะหยิบมาอ่านซ้ำๆ จนกว่าจะเข้าใจ
อี๋อวี้ยอมรับว่าตนเองหัวไม่ดี ทั้งที่เธอใช้เวลาในการอ่านหนังสือและฝึกทำโจทย์มากกว่าใครๆ ตั้งหลายเท่า กลับสอบติดแค่มหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแห่งหนึ่ง
ทว่าเธอไม่คิดจะสอบใหม่ปีหน้า เพราะรู้ดีว่าที่สอบติดมหาวิทยาลัยนี้ก็ทำได้เกินมาตรฐานของตนเองแล้ว เธอจึงยื่นเรื่องขอกู้เงินเพื่อศึกษา และรับทุนหนึ่งพันหยวนจากผู้อุปถัมภ์ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่โดยดี แล้วเริ่มต้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
อย่าเห็นว่าคนอย่างอี๋อวี้ความจำไม่ดี ถึงโหมเรียนหนักแทบเป็นแทบตายก็มีผลการเรียนแค่ปานกลาง จริงๆ แล้วเธอเป็นคนใฝ่ดีและมุมานะบากบั่นมาก ด้วยเหตุนี้ตอนเลือกตั้งตัวแทนชั้นเรียนในวันเปิดเทอม เธอเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนแนะนำตนเองอย่างแสนซื่อ และได้เป็นหัวหน้าชั้นไปแบบงงๆ
พออี๋อวี้ได้เป็นหัวหน้าชั้นก็ยิ่งขยันขันแข็งขึ้น คอยติดหน้าตามหลังเหล่าโหวซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา วิ่งวุ่นจัดแจงงานต่างๆ ทุกวัน นอกจากจะเข้าเรียน ทำการบ้าน ท่องตำราแล้ว เวลาที่เหลือล้วนทุ่มลงไปกับ ‘งานของห้อง’ ทั้งหมด นักศึกษาปีหนึ่งมีปัญหาจุกจิกหยุมหยิมเยอะที่สุด อีกทั้งทุกคนต่างเป็นเด็กใหม่ จะทำอะไรมักติดๆ ขัดๆ เสมออย่างเลี่ยงไม่ได้ ยังดีที่เธอดึงดันใจสู้ ถึงล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง ก็คว้าใบประกาศชมเชยชั้นเรียนดีเด่นมาครองติดต่อกันสองภาคการศึกษา
ด้วยเป็นเด็กกำพร้า ทำให้อี๋อวี้มีนิสัยเก็บตัวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ถึงกระนั้นเธอกับเพื่อนร่วมชั้นกลับเข้ากันได้ไม่เลว แต่นั่นเป็นแค่เพราะว่าเธอรับปากอะไรไว้ ไม่มีเรื่องไหนที่ทำไม่ได้ นานวันเข้าเพื่อนฝูงก็พากันเรียกเธอเล่นๆ ว่า ‘ท่านหัวหน้าชั้น’ อย่างสนิทสนมเป็นเชิงแสดงความนับถือต่อเธอ
ในขณะที่อี๋อวี้เชื่อมั่นสุดใจว่าเธอมีความสามารถทำหน้าที่นี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งและฝันหวานว่าเมื่อรับตำแหน่งหัวหน้าชั้นครบสี่ปี จะได้อยู่ในรายชื่อคนที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหางานให้นั่นเอง เธอกลับพ่ายแพ้ราบคาบในการเลือกตั้งใหม่ตอนปีสอง
คนที่ช่วงชิงตำแหน่งกับเธอเป็นสาวสวยชื่อว่าเฉินอิ๋ง ทั้งปีอี๋อวี้เคยคุยกับอีกฝ่ายแค่ไม่กี่ประโยค นั่นไม่ใช่เพราะว่าอี๋อวี้รู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับคนแปลกหน้า แต่เป็นตัวเฉินอิ๋งเองที่ไม่อยากเสวนากับเธอสักนิด ส่วนเธอก็ไม่ชอบชวนใครคุยก่อนเหมือนกัน หลังจากถูกเฉินอิ๋งปฏิเสธไมตรีด้วยการยิ้มโดยไม่พูดตอบสักคำหลายครั้ง ทั้งคู่ก็ไม่เคยวิสาสะกันอีกเลย
หกต่อยี่สิบเก้าเสียง! ในชั้นมีทั้งหมดสามสิบห้าคน หนำซ้ำเธอยังลงคะแนนให้ตนเองด้วย ผลปรากฏว่ายังแพ้หลุดลุ่ยอยู่ดี มันน่าอนาถใจขนาดไหนที่นอกจากคะแนนเสียงของเธอเองแล้ว ทั้งชั้นมีแค่ห้าคนที่เลือกเธอ! ทีนี้เรื่องจัดหางานให้หลังเรียนจบเป็นอันหมดหวัง คนหน้าตาธรรมดาไม่มีความสามารถโดดเด่นอะไรสักทางอย่างอี๋อวี้รู้สึกว่าชีวิตหลังเรียนจบของตนเองช่างมืดมนริบหรี่ยิ่งนัก
หากเรื่องที่น่าอนาถใจยิ่งกว่ายังรออยู่ข้างหลัง…อี๋อวี้ได้เป็นรองหัวหน้า แต่ก่อนเธอไม่เข้าใจหรอกว่ารองหัวหน้ามีไว้ทำอะไร แต่หลังจากรับตำแหน่งนี้ได้ครึ่งเดือน เธอรู้ซึ้งถึงใจเลย!
หน้าที่ของรองหัวหน้าก็คือ…เมื่อมหาวิทยาลัยจัดตัวแทนไปเข้าประชุมฟังรายงานต่างๆ สารพัด รองหัวหน้าเป็นคนไป การแถลงรายงานพวกนั้นก็ยืดยาวน่าเบื่อ แถมผู้บริหารบ้าน้ำลายบางคนยังชอบพร่ำพรรณนาเหตุผลที่สรุปสั้นๆ ได้ในสิบคำขยายความเป็นสุนทรพจน์นานเกินสองชั่วโมงกันเสียเหลือเกิน
หน้าที่ของรองหัวหน้าก็คือ…เมื่อเหล่าโหวอาจารย์ที่ปรึกษาสั่งงานหัวหน้าชั้น หัวหน้าชั้นจะมาบอกรองหัวหน้าอีกที พอเธอทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเสร็จ เฉินอิ๋งก็รับความดีความชอบไปแบบสบายๆ แถมยังได้รับคำชมเชยต่อหน้าคนทั้งชั้นเรียนจากเหล่าโหว