ทดลองอ่าน นวลหยกงาม บทที่ 1 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน นวลหยกงาม บทที่ 1

หลูจวิ้นอุ้มอี๋อวี้เดินต่อไปอีกระยะหนึ่งจนเข้าสู่หมู่บ้าน นางพิงซบอกเขาพลางแอบมองสำรวจภายในหมู่บ้านแห่งนี้ เรือนแทบทุกหลังล้วนมีลานไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่หน้าประตู บ้างก่อกำแพงดินเตี้ยๆ ล้อมชั้นหนึ่ง บ้างเพียงล้อมรั้วกั้น ด้านในเป็นตัวเรือนหลังคาแบนเรียบปูกระเบื้องหน้ากว้างไม่กี่ช่วงเสาดูว่างโหรงเหรง แล้วก็เพิงที่ก่อขึ้นเป็นคอกเลี้ยงสัตว์ สตรีวัยกลางคนสองสามคนนั่งจับกลุ่มกันอยู่ริมถนนทำงานเย็บปักถักร้อยในมือไปพลาง พิศดูนางกับหลูจวิ้นที่เดินผ่านมาไปพลาง พวกนางแต่งกายด้วยชุดที่คล้ายคลึงกันและมีแค่สามสีคือขาว เหลือง เทา

อี๋อวี้ถูกสตรีวัยกลางคนพวกนั้นมองด้วยสายตาเวทนาบ้าง รังเกียจเดียดฉันท์บ้างจนรู้สึกอึดอัด นางซุกหน้ากับบ่าของหลูจวิ้น แต่แล้วพอนึกถึงอายุของตนเองขึ้นมา รู้สึกว่าทำท่าแบบนี้น่าขายหน้าอยู่สักหน่อยจริงๆ จึงยกศีรษะตั้งขึ้นดังเก่า เพียงแต่ไม่สบตากับพวกนาง

ทันใดนั้นหลูจวิ้นที่อุ้มนางอยู่หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าประตูลานเล็กของเรือนชาวนาหลังหนึ่ง นางสัมผัสถึงความผิดปกติได้จึงหันหน้าไปดู แวบแรกก็มองเห็นสตรีกลางคนในชุดสีเทาเรียบง่ายหมดจดยืนอยู่ตรงนั้น

เดิมทีสตรีผู้นี้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดถลึงตามองเด็กชาย ครั้นแลเห็นสายตาเพ่งพินิจของบุตรสาว ดวงตาคู่นั้นละมุนลงประหนึ่งน้ำแข็งละลายในฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน สีหน้าสีตาเปี่ยมไปด้วยร่องรอยอ่อนโยน นางคือมารดาของอี๋อวี้ที่ใครๆ เรียกขานกันว่า ‘หลูเอ้อร์เหนียง’

จะกล่าวไปแล้วหลูซื่อ ผู้นี้เป็นหญิงที่หาพบได้ยากยิ่ง เมื่อสี่ปีเศษที่แล้วนางโยกย้ายจากแถบกวนจงมายังหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่าหมู่บ้านเค่าซานในเขตสู่จงแห่งนี้ ยามนั้นนางพาลูกมาสองคน ซ้ำยังตั้งครรภ์เจ็ดเดือน บอกว่าตนเองเป็นหญิงม่าย พอสามีตายแล้วถูกตระกูลของสามีขับไล่ไสส่ง นางซื้อเรือนที่มีอยู่เดิมหลังหนึ่งต่อจากผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งก็คือเรือนหลังน้อยที่พวกนางอาศัยอยู่ในเวลานี้ ทั้งยังซื้อหาที่นาว่างเปล่าสามสิบหมู่ ตรงข้างหมู่บ้านไว้ และจ้างชาวนาปลูกข้าวเก็บเกี่ยวผล ก็พอมีกินอิ่มท้องไปได้ทั้งปี

ในความทรงจำของอี๋อวี้มีภาพของหลูซื่อปักผ้าเช็ดหน้าหรือเย็บพื้นรองเท้ามากมาย ยังมีท่าทางของนางยามสอนหนังสือบุตรชาย หญิงชาวนาสามัญนางหนึ่งทั้งปักผ้าเป็นทั้งอ่านออกเขียนได้ ซ้ำยังอบรมสอนสั่งบุตรชายได้ ถือเป็นสตรีที่ดีเลิศโดยแท้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นตระกูลใดกันที่ขับไล่หญิงม่ายผู้มีความสามารถเพียบพร้อมเยี่ยงนี้ อีกทั้งยอมให้นางพาบุตรชายมาด้วยอีก

หลูซื่อสืบเท้าสองก้าวเข้ามาอุ้มอี๋อวี้ที่ทบทวนความหลังอยู่มาจากวงแขนของหลูจวิ้น เอามือหนึ่งรองใต้บั้นท้าย อีกมือหนึ่งประคองตรงบั้นเอวของบุตรสาว ให้นางได้ซุกตัวแนบชิดอ้อมอกตน ปากก็ส่งเสียงกล่อมเบาๆ “อวี้เอ๋อร์กลับมาแล้ว”

สิ่งที่น่าสังเกตคือชื่อของนางยังคงเป็นอี๋อวี้ อีกทั้งหลูซื่อคงจะไม่พึงพอใจตระกูลของสามีมากถึงให้ลูกทั้งสามคนเปลี่ยนมาใช้แซ่ตามตนเอง ช่างเป็นมารดาที่เข้มแข็งเหลือหลายจริงๆ

หลูซื่ออุ้มนางไว้ด้วยท่วงท่าที่ดีกว่าหลูจวิ้นมาก นางมิใช่คนหน้าบางมาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่มีความรู้สึกว่ายึดครองมารดาผู้อื่นไป กลับอิ่มเอมใจกับความรักในครอบครัวที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่เกิดมายี่สิบกว่าปี มันไม่ต่างจากความรู้สึกตอนที่หลูจวิ้นอุ้มนางเมื่อครู่นี้ เพียงแต่อ้อมกอดของมารดาทำให้นางอบอุ่นเป็นสุขยิ่งกว่า

หลูซื่ออุ้มอี๋อวี้ก้าวเข้าสู่เรือนแล้วเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง หลูจวิ้นที่ด้านหลังก็เดินก้มหน้าตามเข้ามา นางวางตัวบุตรสาวลงบนเตียงไม้กระดานซึ่งตั้งชิดผนังในห้องอย่างเบามือ จากนั้นสาวเท้าไปที่ลานเรือนหยิบไม้กวาดอันใหญ่ถือไว้ในมือเดินย้อนกลับมาแล้วหวดใส่หลูจวิ้น

เขาก็ใจเด็ด ยืนอยู่ในห้องยอมให้นางฟาดหลังทีแล้วทีเล่าโดยไม่ปริปากร้องสักแอะ หลูซื่อตีไป ปากก็พูดสั่งสอนไป “ข้าเรียกให้เจ้าเฝ้าน้องเอาไว้ เจ้ากลับพานางไปข้างนอก เหตุใดถึงอยู่ไม่สุขแบบนี้”

นางตีไปเจ็ดแปดที สุ้มเสียงก็เจือรอยสะอื้น “สมองของอวี้เอ๋อร์ไม่ค่อยปกติ เจ้ายังพานางออกไปวิ่งเพ่นพ่าน นิสัยเจ้าเป็นเยี่ยงนี้ เกิดทำนางพลัดหายไปจะให้ข้าทำอย่างไร” หลูซื่อกล่าวเสียงเครือ มือก็ผ่อนแรงลงหลายส่วน นางหวดไม้กวาดอีกสองที ก่อนจะนั่งแปะลงบนธรณีประตู เริ่มสะอื้นไห้เบาๆ

พอนางร้องไห้แบบนี้กลับทำให้หลูจวิ้นสะดุ้งตกใจ เขาหมุนกายคุกเข่าให้มารดาเอ่ยอย่างแตกตื่นลนลาน “ท่านแม่อย่าโมโหเลยนะขอรับ เป็นจวิ้นเอ๋อร์ไม่ดีเอง ไม่ควรเห็นแก่เล่นสนุก ท่านแม่อย่าร้องไห้เลย ตีข้ายังดีเสียกว่า” เห็นมารดาเอาแต่ร่ำไห้ไม่แยแสตน เขาสะบัดมือตบหน้าตนเองแรงๆ แล้วกล่าวต่อ “ลูกสมควรตาย!”

ฝ่ามือที่สองของเขายังไม่ทันกระทบแก้มก็ถูกหลูซื่อขวางไว้อย่างว่องไว นางคว้าตัวบุตรชายมาไว้ในอ้อมอก ทั้งคู่กอดกันร้องไห้จนลืมเลือนอี๋อวี้บนเตียงไปชั่วขณะ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com