หลูจื้อได้ยินที่มารดาพูดแล้วตาเป็นประกายในตอนแรก ต่อมาคล้ายคิดอะไรขึ้นได้จึงส่ายหน้า “ไม่ต้องขอรับท่านแม่ เดี๋ยวนี้หนังสือราคาถูกๆ ยังต้องมีสี่สิบอีแปะ ข้ามิสู้ไปยืมหลายๆ ครั้ง ต้องยืมได้สำเร็จสักวัน”
หลูซื่อโคลงศีรษะ ไม่กล่าววาจาใดอีก อี๋อวี้เห็นดวงตาของนางดูคล้ายหม่นแสงลง พาให้ปวดแปลบใจอย่างสุดระงับ นางครุ่นคิดว่าขณะนี้ครอบครัวมิได้ร่ำรวย หนังสือราคาสี่สิบอีแปะเล่มหนึ่ง พี่ใหญ่ยังหักใจซื้อไม่ลง แม้จะมีที่นาสามสิบหมู่ แต่ตอนนี้คงได้ผลเก็บเกี่ยวไม่สูงแน่นอน ดูทีหลูซื่อปักผ้าคงเพื่อหาเลี้ยงชีพอีกทางหนึ่ง ไม่รู้ว่ายามนี้ราคาข้าวของถูกแพงอย่างไร
เห็นทุกคนต้องหม่นหมองเพราะเงินซื้อหนังสือเล่มเดียว อี๋อวี้ก็เค้นสมองคิดทบทวนดูว่ามีวิธีหาเงินอย่างไรบ้างที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้นได้
ตอนอยู่มหาวิทยาลัยนางเรียนด้านภาษากับวรรณคดี ไม่ค่อยมีความรู้อะไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจจริงๆ หลังจากขบคิดอย่างหนัก นางขุ่นข้องใจนักเมื่อตระหนักว่ายังหาทางออกเฉพาะหน้าไม่ได้สักนิด สิ่งเดียวที่มีอยู่ในหัวมากมายคือพวกงานประพันธ์ชั้นยอดยุคโบราณที่คนยุคปัจจุบันเรียบเรียงออกมา แต่ไม่มีประโยชน์สักกระผีก หรือว่าต้องให้เด็กน้อยตัวเท่านี้อย่างนางไปแต่งตำราขายหรือไร ถึงเวลาคงถูกคนจับเพราะคิดว่าเป็นภูตผีปีศาจ จะร้องไห้เสียใจก็ไม่ทันการณ์แล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่านางยังเขียนตัวอักษรดั้งเดิมไม่เป็นอีกด้วย
กระนั้นยังดีที่การข้ามภพกลับสู่อดีตยังมอบความจำที่ดีเลิศให้เป็นของกำนัล วันเวลาข้างหน้ายังอีกยาวไกล ไม่ต้องกลัวว่าครอบครัวจะไม่อยู่อย่างสุขสบาย นางคิดต่อไปว่ารอเมื่อมีเงินมีทองแล้ว จะซื้อหนังสือให้หลูจื้ออ่านจนเต็มเรือนแน่นอน แล้วก็ไม่ต้องให้มารดาทำงานฝีมือหาเงินจุนเจือค่าใช้สอยในเรือนให้ลำบากเหน็ดเหนื่อยอีก
แม่ลูกสี่คนในลานเล็กๆ ของเรือนชาวนาต่างคนต่างคิดอ่านอยู่ในใจ ระหว่างนั่งรับแสงแดดอุ่นๆ ของต้นฤดูใบไม้ผลิอย่างรื่นรมย์ตลอดช่วงบ่าย
อี๋อวี้ข้ามมิติกลับมาสู่ราชวงศ์ถังนานยี่สิบกว่าวันแล้ว ใช้ชีวิตผ่านไปแต่ละวันโดยมีหลูซื่อ หลูจวิ้น และหลูจื้อคอยเฝ้าดูแล
เนื่องจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ พักนี้หมู่ชาวชนบทจะแอบซุบซิบพูดคุยถึงเรื่องราวในราชสำนักกันเป็นประจำ ดังนั้นเมื่อได้ปะติดปะต่อจากทางนั้นทางนี้มาระยะหนึ่ง นางมั่นใจได้เต็มที่แล้วว่าถึงห้วงเวลานี้จะเป็นราชวงศ์ถัง แต่ไม่ใช่ราชวงศ์ถังที่นางรู้จักเป็นอันขาด แม้ว่ามีประวัติศาสตร์ใกล้เคียงกันอย่างยิ่งแต่ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่ด้วย
ลำดับเหตุการณ์สำคัญของยุคสมัยไม่เปลี่ยนแปลง แต่รายละเอียดปลีกย่อยผิดแผกกันมากมาย ดังเช่นว่าหลี่ซื่อหมิน ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกลายเป็นพระโอรสองค์โตของหลี่ยวน ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ ส่วนประตูเสวียนอู่กลับกลายเป็นที่ที่เกิดเหตุหลี่เจี้ยนเฉิงพระโอรสองค์รองเคยยกทัพมาชิงบัลลังก์แล้วถูกองค์รัชทายาทหลี่ซื่อหมินปราบปราม
ด้านราชวงศ์สุยยังมีกษัตริย์ทรราชนามสุยหยางตี้ตามเดิม แต่มิใช่สุยหยางตี้ที่รีดนาทาเร้น โหดเหี้ยมและมัวเมานารี หากเป็นคนจำพวกเดียวกับอาโต่ว ที่ปล่อยให้ขุนนางนอกราชสำนักแทรงแซงการบริหารบ้านเมืองตามอำเภอใจ ถึงเป็นเหตุให้หลี่ยวนก่อกบฏชิงอำนาจ
หลังจากแจ่มแจ้งในจุดนี้ นางกลับวางใจลงได้ รอยทางหลักของยุคสมัยตรงกับประวัติศาสตร์ที่นางล่วงรู้อยู่แล้ว ยุคนี้นับเป็นยุคที่สงบสุข มีช่วงรุ่งเรืองถึงเสื่อมถอยกินเวลายาวนานพอสมควร จึงไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดศึกสงครามวุ่นวายจนราษฎรเดือดร้อนทุกข์เข็ญ ถึงอย่างไรขณะนี้ตัวนางอยู่ในครอบครัวชาวนา มีฐานะเป็นหมู่ชนชั้นต่ำ ย่อมเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องตกเป็นเครื่องสังเวยของไฟสงครามอย่างง่ายดายที่สุด