“พี่ใหญ่” อี๋อวี้ชอบเสียงพูดในตอนนี้ของตนเองยิ่งนัก อ่อนใสๆ แบบที่มีเฉพาะแต่เด็กน้อย เวลาตื่นขึ้นมาตอนเช้าคอแห้ง ยังมีหางเสียงออดอ่อยไม่ชัดถ้อยชัดคำอย่างน่ารักไร้เดียงสา
“อื้อ ไปล้างหน้าแล้วกินข้าว อาหารของเจ้าอุ่นอยู่ในกระทะที่ห้องครัว” หลูจื้อไม่หันหน้ามา ยังลากพู่กันฝึกเขียนตัวอักษรไปทีละขีด
อี๋อวี้ขานรับคำหนึ่งแล้วเร่งรีบตะกายลุกจากเตียงมาสวมอาภรณ์และล้างหน้าบ้วนปาก จากนั้นกินอาหารเช้าแล้ว เดินปล่อยผมสยายถือหวีไม้เล่มเล็กไปตรงหน้าหลูจื้อ รอเมื่อเขาลากขีดสุดท้ายเสร็จ นางยื่นหวีกับเชือกผูกผมในมือไปให้
หลูจื้อวางพู่กันลง เขยิบตัวเข้าไปด้านในเพื่อให้นางได้นั่งลงข้างๆ หันหลังให้ตนเองบนเสื่อ เขาสางผมของนางให้เรียบแล้วมัดหลวมๆ ไว้ตรงต้นคออย่างชำนิชำนาญ
เวลาผ่านไปครึ่งปีกว่า ผมของนางยาวขึ้นไม่น้อยสามารถรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ไม่ต้องมัดเป็นจุกสองข้างบนหัวแล้ว แต่แขนของนางสั้นเกินไป มักเก็บผมไม่เรียบร้อย ดังนั้นหลูจื้อต้องรับหน้าที่สางผมให้นางทุกวัน เพราะนอกจากอี๋อวี้แล้ว ในเรือนมีแต่เขาที่ว่างมากที่สุด
“เสร็จแล้ว มาลอกตามตัวอักษรแผ่นนี้หนึ่งจบ” หลูจื้อลูบศีรษะเล็กๆ ของนาง ผลักแผ่นคัดลายมือที่เพิ่งเขียนเสร็จไปใกล้ๆ มืออี๋อวี้ เขาดึงกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งมาจากด้านข้าง และเอาพู่กันจุ่มหมึกยื่นส่งให้นาง
อี๋อวี้เอาหวีสอดเก็บไว้ในอกเสื้อแล้วนั่งขัดสมาธิหน้าโต๊ะอย่างว่าง่าย นางคัดตัวอักษรหนึ่งแผ่นตามที่เขาบอก ยังฟังเขาอธิบายคัมภีร์หลุนอวี่อีกสองสามบท และท่องเนื้อหาในตำราพันอักษร ท่อนหนึ่งที่เขาสอนนางไปเมื่อวันก่อน แต่ยังท่องไม่จบก็ถูกเสี่ยวชุนเถาซึ่งมาหาที่เรือนขัดจังหวะ
แม่นางน้อยยืนยกมือสองข้างเท้าเอวตรงหน้าประตู ซักไซ้อี๋อวี้ด้วยหน้าตาโกรธเคือง “เสี่ยวอวี้ ทำไมเมื่อเช้าเจ้าไม่มาเล่นที่เรือนข้า เมื่อวานเจ้ารับปากข้าไว้นะ”
หลูจื้อมองเสี่ยวชุนเถาแล้วมองน้องสาวอีกที ก่อนจะเอ่ยปากพูด “เรื่องที่รับปากผู้อื่นไว้ต้องทำให้ได้ ส่วนที่เหลือไว้ค่อยท่องตอนอาหารเย็น”
อี๋อวี้อยากให้พี่ใหญ่เข้มงวดกว่านี้เหลือเกิน นางยอมท่องหนังสือพันอักษรตลอดเช้า ก็ไม่อยากเล่นพ่อแม่ลูกพร้อมทั้งล่อหลอกเด็กไปด้วย เมื่อวานร้องเพลงมาทั้งบ่าย ยังรู้สึกไม่สบายคอจนตอนนี้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าตั้งตารอคอยของเสี่ยวชุนเถา นางหักใจปฏิเสธไม่ลงคอ ถึงอย่างไรนางก็รับปากว่าจะเล่นกับอีกฝ่ายไว้
เพียงแต่อี๋อวี้ตกลงใจแน่วแน่ว่าจะไม่เล่นพ่อแม่ลูกกับเสี่ยวชุนเถาอีก นางหยิบตะกร้าเข็มกับด้ายของตนเองออกมา จูงนางไปนั่งบนเสื่อหน้าโต๊ะกินข้าว ตั้งใจว่าจะหางานเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นให้นางทำ ตนเองจะได้ปักฝ้าที่ขาดอีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วไปด้วย
ชุนเถาเห็นสะดึงกับด้ายหลากสีก็รู้สึกว่าเป็นของแปลกใหม่มาก พวกเด็กๆ ล้วนมีนิสัยชอบของใหม่เบื่อของเก่า นางไม่เอ่ยปากว่าจะให้อี๋อวี้เล่นแบบเดียวกับเมื่อวานเป็นเพื่อนหรือร้องเพลงอะไรอีก ตรงกันข้ามกลับหัดใช้เข็มเย็บผ้ากับอี๋อวี้อย่างว่าง่าย
อี๋อวี้เลือกผ้าเนื้อหยาบที่ใช้ซ้อมมือผืนหนึ่งขึงกับสะดึงแล้วยื่นให้ชุนเถา แล้วจับมือนางสอนเย็บสองสามเข็ม จากนั้นปล่อยให้นางทำต่อไปตามเรื่องตามราว
พรุ่งนี้เป็นวันที่สิบห้า หลูซื่อจะไปซื้อของที่ตลาดนัด อี๋อวี้ทำผ้าเช็ดหน้าสะสมไว้สามผืน สองผืนปักลายดอกไม้ ส่วนผืนที่อยู่ในมือนี้เป็นลายปลาไนลอดกอบัว ซึ่งนับว่าพบค่อนข้างบ่อยในบรรดาลวดลายผ้าปักซื่อชวน จุดที่จับคู่สีด้ายยากที่สุดได้หลูซื่อชี้แนะจนทำเสร็จแล้ว เหลือตกแต่งง่ายๆ บางส่วนกับเก็บงานให้เรียบร้อย นางตั้งใจจะทำให้เสร็จในวันนี้ จะได้ให้หลูซื่อเอาไปขายพร้อมกันที่ตลาด
อี๋อวี้ไม่ได้ชอบอวดตัว แต่อย่างไรต้องอยู่กับคนในครอบครัวทุกเช้าค่ำ เรื่องบางเรื่องใช่ว่าอยากปิดบังก็จะปิดบังกันได้ เป็นต้นว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนางอ่านกลอนหนึ่งบทสองรอบก็ท่องจำได้ ฝึกวิธีปักแบบหนึ่งสามวันก็ทำได้คล่องมือ คนซื่ออย่างหลูจวิ้นย่อมมองอะไรไม่ออกเป็นธรรมดา แต่หลูซื่อกับหลูจื้อกลับค้นพบมานานแล้วว่าหลังจากสมองของอี๋อวี้เป็นปกตินับวันก็ยิ่งแสดงความพิเศษออกมาให้เห็น