หลูซื่อไม่แปลกใจเพราะว่านางรักบุตรสาวอย่างลึกซึ้งสุดจะกล่าว นางนึกเพียงว่านี่เป็นรางวัลชดเชยที่สวรรค์ประทานให้บุตรสาวของนางที่ปัญญาอ่อนมานาน ขณะที่หลูจื้อไม่แปลกใจเพราะว่าตัวเขาเองก็เป็นคนฉลาดเหนือใคร สมมติว่าคนที่กินหมั่นโถวข้าวต้มทุกวันผู้หนึ่งมองเห็นคนกินกุ้งหอยปูปลาย่อมนึกอิจฉาริษยา ทว่าคนที่กินหูฉลามรองท้อง ดื่มรังนกบ้วนปากเห็นแล้วก็ไม่รู้สึกแปลกใหม่แต่อย่างใด
“เสี่ยวอวี้ เจ้าดูสิว่าข้าปักต้นหญ้าได้เหมือนหรือไม่”
อี๋อวี้ชะงักเข็มปักผ้าที่แทงกลับไปกลับมาในมือ เอี้ยวตัวไปมองผ้าในมือเสี่ยวชุนเถา เห็นว่านางใช้ด้ายสองสามเส้นเย็บต่อกันเป็นลายคล้ายๆ ต้นหญ้าบิดๆ เบี้ยวๆ ต้นหนึ่ง ก็ฝืนมโนธรรมในใจกล่าวชมไปหลายคำ ครั้นเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานของอีกฝ่าย นางอดใจไม่อยู่ยื่นมือไปหยิกแก้มเล็กๆ ทีหนึ่งอย่างว่องไว
“โอ๊ย! เสี่ยวอวี้เจ้าหยิกแก้มข้าทำไม” เสี่ยวชุนเถาสะดุ้งตกใจกับการกระทำของนาง วงหน้ากลมป้อมเหยเกไปทันควัน ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ มีประกายน้ำวาวๆ
อี๋อวี้มองไปๆ พลันนั้นชักกระจ่างแจ้งแล้วว่าเหตุใดหลูจื้อชอบหยิกแก้มนางอยู่ร่ำไป…การได้รังแกสาวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมันชวนให้สำราญใจอย่างนี้นี่เอง
“พี่ชุนเถา ท่านสวยจริงๆ” นี่เป็นถ้อยคำจากใจจริงของนาง แม่นางน้อยน่ารักมาก พูดว่า ‘โฉมงาม’ ก็มิใช่คำเท็จเลย
“ข้าสวยที่ไหนกัน พี่เซียงเซียงที่อยู่ข้างเรือนข้าต่างหากถึงเรียกว่าสวย”
เซียงเซียง? อี๋อวี้เสาะหาความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นี้ในหัวสมอง จำได้คลับคล้ายคลับคลาแค่ว่ามีเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับหลูจื้อคนหนึ่ง ตอนนั่งรับลมเย็นใต้ต้นไม้เก่าแก่ตรงปากหมู่บ้านในฤดูร้อน นางเคยเห็นไกลๆ แต่ไม่ได้มองให้ถนัดถนี่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
เมื่อความสอดรู้สอดเห็นบังเกิดขึ้น นางคิดจะซักถามให้ละเอียด ทว่ายังไม่ทันอ้าปากพูดก็เห็นเสี่ยวชุนเถามองนางพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวอวี้ เจ้าก็สวยดีนะ วันหลังเจ้าต้องสวยเหมือนพี่เซียงเซียงแน่ๆ”
อี๋อวี้เห็นเงาสะท้อนของตนเองในลูกตาดำขลับของแม่นางน้อย ไม่เพียงไม่รู้สึกพึงใจเพราะคำชมของนาง ในอกยังขมปร่าไปหมด
ชาติก่อนคนหน้าตาธรรมดาอย่างนางเคยอิจฉาความเอาแต่ใจของหญิงสาวสะสวยพวกนั้น ยังจำได้ว่าตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง นางเสนอตัวเป็นหัวหน้าชั้น แม้มุมานะเรียนเท่าใดก็สุดปัญญาจะเป็นหัวแถวได้ กระนั้นขอแค่เป็นสิ่งที่เพื่อนร่วมชั้นเอ่ยปากหรืออาจารย์ที่ปรึกษาร้องขอ นางล้วนทุ่มเททำอย่างสุดกำลัง
แต่ในการเลือกตั้งตัวแทนชั้นเรียนคนใหม่ตอนปีสอง นางยังคงถูกหญิงสาวหน้าตาสวยกว่าใครๆ อีกทั้งนิสัยอ่อนโยนคนหนึ่งในชั้นเรียนเข้ามาแทนที่อยู่ดี นางเคยโกรธเคือง เคยเสียใจ ทั้งที่ไม่ว่าการเรียนหรือการทำงาน อีกฝ่ายไม่มีความตั้งใจจริงเทียบเท่านางได้ เผอิญที่อีกฝ่ายมีทั้งรูปสมบัติและสติปัญญา ตนเองได้แต่จำยอมหลีกทางให้ด้วยรอยยิ้ม
ตลอดสามปีหลังที่นางเป็นรองหัวหน้า ไม่ใช่แค่รับผิดชอบงานสองหน้าที่เท่านั้น เมื่ออีกฝ่ายทำผิดพลาด นางยังต้องเป็นคนที่ตามไปสะสางแก้ไขให้เรียบร้อย หากที่น่าขบคิดก็คือสิ่งที่นางได้รับไม่ใช่ความซาบซึ้งใจ แต่เป็นการทำร้ายลับหลัง
ถ้านางพยายามไม่มากพอ ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่นก็ช่างเถิด แต่นี่กลับเกิดจากอคติในใจคนซึ่งไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ ความรู้สึกเสียใจและอิจฉาก็ค่อยๆ เจือจางลง หลังจากที่ปลงตกแล้ว นางเรียนรู้ที่จะนิ่งเฉยกับทุกข์สุขของคนอื่น ไม่ยอมเป็นบันไดให้กับ ‘ตัวเอก’ พวกนั้นเพราะนิสัยเฉื่อยชาของตนเอง แต่จนแล้วจนรอดยังหนีไม่พ้นที่จะต้องเป็นฉากหลังบนเวทีชีวิตของคนอื่นอยู่ดี
ทว่าหลังจบชีวิตจากอุบัติเหตุ นางกลับได้ข้ามมิติย้อนสู่อดีต เปลี่ยนมาอยู่ในอีกร่างหนึ่งและได้วางแผนชีวิตใหม่อีกครั้ง มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยกล้าคิดฝันมาก่อน อีกทั้งนางเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นตามวันเวลาที่ผันผ่านไปว่าตนเองจะต้องมีชีวิตที่ต่างออกไป เรื่องราวในอดีตทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นค่อยๆ ล่องลอยไปไกลขึ้นทุกที วันนี้ต่างจากวันวาน ในชาตินี้นางไม่คิดจะเป็นบันไดให้ใครหน้าไหนอีกเป็นอันขาด
จงรู้ไว้ว่าคนที่มีชีวิตอยู่โดยไม่ชอบฉายรัศมีจับตา ไม่ได้หมายความว่ายินยอมพร้อมใจเป็นคนธรรมดา
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 4 พ.ย. 62)