หลังชาวสกุลหลูทั้งสี่กลับถึงเรือน มีเพื่อนบ้านไม่น้อยพากันมาถามไถ่ผลการสอบของหลูจื้อ เมื่อได้ยินว่าเขาสอบผ่านแล้ว ไม่ว่าในใจจะคิดเช่นใด ใบหน้าล้วนทอแววภาคภูมิใจไปด้วย
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวถึงขั้นวิ่งกลับเรือนไปเชือดพ่อไก่ตัวหนึ่งส่งมาให้ ท่าทางยามสนทนากับหลูจื้อก็ไม่เหมือนพูดกับเด็กน้อยเฉกแต่ก่อน กลับแฝงความยกย่องเพิ่มขึ้นหลายส่วน
เพราะเรื่องที่หลูจื้อจวนเจียนจะเข้าเมืองหลวงเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการ ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างไรชอบกล ทว่าขณะนี้หลูซื่อยังไม่มีเวลาขบคิดค้นหาความนัยที่แฝงเร้นอยู่นี้ นางกำลังวุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมเงินติดตัวให้หลูจื้อหลูจวิ้นสองพี่น้อง ด้วยคราวนี้พวกเขาต้องออกเดินทางไกลตามลำพังเป็นครั้งแรก อีกทั้งเป็นเวลานานมาก ถึงแม้หลูซื่อวางแผนไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว แต่กว่าจะจัดเตรียมเสื้อผ้าเงินทองของบุตรชายสองคนได้พร้อมสรรพครบถ้วนก็เป็นเรื่องในอีกสี่วันให้หลัง
ช่วงหนึ่งคืนก่อนหน้าวันที่หลูจื้อจะเข้าสู่เมืองหลวง นอกจากพวกช่างกินไม่ช่างคิดอย่างหลูจวิ้น ราตรีนี้ชาวสกุลหลูอีกสามคนล้วนข่มตานอนไม่หลับ หลูซื่อลุกออกไปที่ลานเรือนตอนกลางดึก พบกับหลูจื้อที่ออกมาด้านนอกดุจเดียวกัน จึงพูดคุยกันอยู่ที่นั่น
ฝ่ายอี๋อวี้ถูกปลุกตื่นขึ้นตอนหลูซื่อขยับพลิกตัว หลังจากอีกฝ่ายออกไปนานพักใหญ่แล้วไม่เห็นกลับมาจนนางนึกฉงน ก็สวมรองเท้าจะออกไปดู คิดไม่ถึงว่าพอไปถึงหน้าประตูกลับได้ยินเสียงสนทนาของสองแม่ลูก ทีแรกนางไม่คิดจะแอบฟัง กำลังจะกลับไปที่เตียงดังเก่าเมื่อแน่ใจว่าไม่เกิดอะไรขึ้นกับหลูซื่อ แต่แล้วถ้อยคำหนึ่งที่ดังลอดออกจากปากของมารดากลับตรึงสองเท้าของนางไว้กับที่ประหนึ่งหยั่งรากลงพื้น
“ท่านพ่อคงจำหน้าเจ้าไม่ได้แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจ ตั้งใจสอบให้ดีเป็นพอ”
“จำหน้าได้แล้วจะมีอันใดขอรับ มิใช่ตัดพ่อตัดลูกกับข้าแล้วหรือ ตอนนี้เห็นทีเขาคงมีบุตรชายหลายคนแล้วเป็นแน่กระมัง”
“เจ้า…เจ้าอย่าพูดแบบนี้ ท่านพ่อเจ้าไม่ใช่คนพรรค์นั้น”
“ไม่ใช่คนพรรค์นั้น ไม่ใช่คนที่ทอดทิ้งภรรยาเพราะสตรีเจ้าเล่ห์ชั่วช้า ไม่ใช่คนที่จะสังหารบุตรชายภรรยาเอกเพราะบุตรชายของอนุอย่างนั้นหรือ…ท่านแม่ ท่านก็รู้ว่าเรื่องบางเรื่องลูกจะไม่ลืม ทั้งลืมไม่ได้แล้วก็ลืมไม่ลง”
“เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้ การที่แม่พูดอย่างนี้ เดิมอยากให้เจ้าทำใจให้สบาย กลับทำให้เจ้าร้อนรุ่มใจแทนเสียแล้ว”
“ท่านแม่ ลูกไม่ร้อนรุ่มใจขอรับ ลูกรู้ว่าตนเองสมควรทำอะไร ท่านวางใจได้ เกียรติยศศักดิ์ศรีที่ท่านแม่สูญเสียไป ลูกจะสร้างคืนกลับมาให้ท่านมากกว่าเดิมแน่นอนขอรับ”
“เด็กโง่ แม่ใช่คนที่เห็นแก่สิ่งเหล่านั้นหรือ ถ้าใช่ ไหนเลยจะ…เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว เรื่องที่แม่กำชับเจ้าไว้ ถึงเวลาเจ้าก็เชื่อฟังคำแม่ไปจัดการเสีย…รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแล้ว”
หลูซื่อยังพูดปลุกปลอบหลูจื้อเบาๆ อีกครู่หนึ่ง ถึงแยกย้ายกันกลับเข้าเรือน
หลูซื่อขึ้นเตียงแล้วจับผ้าห่มบนตัวอี๋อวี้ให้เข้าที่ ก่อนจะหลับตาลงครุ่นคิดเรื่องที่อยู่ในใจพลางเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างช้าๆ จวบจนลมหายใจของนางเป็นจังหวะสม่ำเสมอทีละน้อย อี๋อวี้จึงหันหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง กลางม่านรัตติกาลมืดสนิท ดวงตาทั้งคู่ที่ลืมขึ้นเปล่งประกายวาววาม มองใบหน้าของมารดาที่รางเลือนด้วยความรู้สึกสับสนปนเป
นางรู้มาโดยตลอดว่า ‘ท่านพ่อ’ คนนั้นเป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความลับที่คนทั้งครอบครัวปิดบังนางไว้ และเพราะปกปิดอย่างมิดชิด นี่จึงเป็นคราแรกในระยะห้าปีมานี้ที่นาง ‘ได้ยิน’ เรื่องจริงๆ ของเขา ที่แท้ ‘ท่านพ่อ’ คนนั้นของนางยังไม่ตาย แล้วท่านแม่ก็ไม่ใช่หญิงม่าย!
ตัดพ่อตัดลูก ทอดทิ้งภรรยา จะสังหารบุตรชายแท้ๆ มันหมายความว่าอะไรกันนะ!
ที่แท้เบื้องหลังของความลับนี้เป็นเรื่องร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่ มิน่าทุกคนไม่เคยเอ่ยกับนางเลย
มิน่าเล่า…
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 พ.ย. 62)